
สำหรับคนรักซีรีส์เกาหลีที่อยากอินไปกับเนื้อเรื่องแบบเต็มอรรถรส โดยไม่ต้องคอยเหลือบมองซับไตเติลให้เสียอารมณ์ อีกทั้งยังได้ยินเสียงตัวละครพูดคุยกันด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เราขอแนะนำให้คุณได้ลองเปิดโลกไปกับ หนังเกาหลี พากย์ไทย ที่รวบรวมไว้ให้คุณแล้วที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดูแล้วยิ้มตามได้ทั้งวัน, แนวแฟนตาซีสุดอลังการ หรือแนวแอคชันบู๊ล้างผลาญสุดมันส์ คุณจะได้สัมผัสกับเรื่องราวที่สนุกและประทับใจไปกับการพากย์เสียงคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่จะทำให้คุณอินกับตัวละครมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยล่ะ
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การรับชมซีรีส์เกาหลีพากย์ไทยเป็นที่นิยมก็คือ การได้เพลิดเพลินไปกับซีรีส์เรื่องโปรดกับคนในครอบครัวได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครอ่านซับไตเติลไม่ทัน แล้วต้องมาคอยกดหยุดกดเล่นให้วุ่นวาย ยิ่งถ้ามีคุณพ่อคุณแม่หรือเด็กๆ ที่ยังไม่คล่องเรื่องการอ่านมารับชมด้วยกัน หนังเกาหลี พากย์ไทย ก็จะช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเรื่องราวได้อย่างราบรื่นและสนุกสนานไปกับซีรีส์ได้อย่างเต็มที่เลย
การเลือกดูซีรีส์เกาหลีพากย์ไทยจึงไม่ใช่แค่การดูซีรีส์ธรรมดาอีกต่อไป แต่มันคือการสร้างช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันกับคนรอบข้าง และยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับชมซีรีส์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์เก่าในตำนานที่อยากย้อนกลับไปดู หรือซีรีส์ใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นกระแส หากคุณกำลังมองหา หนังเกาหลี พากย์ไทย ดีๆ สักเรื่องเพื่อรับชมในวันว่างๆ อยู่ล่ะก็ คุณมาถูกที่แล้ว เพราะเราได้รวบรวมซีรีส์ที่น่าสนใจมากมายมาไว้ให้คุณที่นี่
1. ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7
ภาพยนตร์เกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์และเรียกน้ำตาผู้ชมมาแล้วทั่วโลกอย่าง “ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7” (Miracle in Cell No. 7) เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดความรักอันบริสุทธิ์ระหว่างพ่อผู้มีสติปัญญาเท่ากับเด็ก 6 ขวบกับลูกสาวตัวน้อยได้อย่างซาบซึ้งใจ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นด้วยการเล่าเรื่องของ “ยงกู” ชายผู้มีสติปัญญาบกพร่องซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวสุดที่รัก “เยซึง” ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและมีความสุข แต่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อยงกูถูกเข้าใจผิดว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงและถูกตัดสินให้จำคุกในเรือนจำห้องขังหมายเลข 7 ซึ่งเต็มไปด้วยนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ดูน่ากลัว
ในตอนแรก นักโทษในห้องขังต่างไม่พอใจกับการมาถึงของยงกู แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และจิตใจที่งดงามของเขา ทุกคนจึงเริ่มให้ความช่วยเหลือและวางแผนที่จะนำตัวเยซึงเข้ามาในเรือนจำเพื่อทำให้พ่อลูกคู่นี้ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง เรื่องราวการลักลอบนำเด็กหญิงตัวเล็กๆ เข้ามาในเรือนจำจึงกลายเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ
จุดเด่นของเรื่องคือการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและน่าประทับใจระหว่างนักโทษในห้องขังกับเยซึง ฉากที่ทุกคนพยายามร่วมมือกันดูแลและปกป้องเยซึง เปรียบเสมือนครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่ไม่ได้มาจากสายเลือด แต่มาจากหัวใจ และฉากสำคัญที่สุดที่สร้างความประทับใจและเรียกน้ำตาผู้ชมได้มากที่สุดคือฉากสุดท้ายที่เปิดเผยความจริงทั้งหมดและสะท้อนให้เห็นถึงความยุติธรรมที่แท้จริง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.hbomax.com/
- นักแสดงหลัก: รยู ซึง-รยง, กัล โซ-วอน, พัก ชิน-ฮเย, โอ ดัล-ซู, พัก วอน-ซัง, คิม จอง-แท
- ประเภท: ดราม่า, คอมเมดี้, ครอบครัว, สะเทือนอารมณ์
- ความยาว: ประมาณ 2 ชั่วโมง 7 นาที
- กำหนดฉาย: 23 มกราคม 2556
- ช่องทางรับชม : HBOmax
2. 6/45: Lucky Lotto
ภาพยนตร์เกาหลีแนวตลกสุดฮาที่จะทำให้คุณหัวเราะจนปวดท้อง “6/45: Lucky Lotto” (ชื่อภาษาไทย “ลุ้นรักฉบับล็อตโต้”) เป็นเรื่องราวสุดป่วนที่เกิดขึ้นระหว่างทหารเกาหลีใต้และทหารเกาหลีเหนือ เมื่อโชคชะตาเล่นตลก ส่งหวยรางวัลที่หนึ่งมูลค่ากว่า 5.7 พันล้านวอน ไปตกอยู่ในเขตปลอดทหาร (DMZ) ฝั่งเกาหลีเหนือ งานนี้จึงเกิดภารกิจสุดอลหม่านที่ต้องตามล่าหาหวยและแลกเปลี่ยนตัวประกันกันอย่างวุ่นวาย
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ชอนอู” (รับบทโดย โกคยองพโย) ทหารเกาหลีใต้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในกองพันแถวหน้า ได้พบกับล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งที่ปลิวมาตกอยู่ตรงหน้าจากกระแสลมอันพัดผ่าน เขาจึงเก็บมันไว้ด้วยความฝันว่าจะนำเงินไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อล็อตเตอรี่เจ้ากรรมได้ปลิวไปตกยังฝั่งเกาหลีเหนืออีกครั้ง และถูกเก็บได้โดย “รียองโฮ” (รับบทโดย อียีคยอง) ทหารเกาหลีเหนือผู้มีหน้าที่ดูแลป้อมยาม
เมื่อรู้ว่าล็อตเตอรี่อันมีค่าตกไปอยู่ในมือของศัตรู ชอนอูจึงตัดสินใจแอบข้ามเขตแดนเพื่อไปทวงคืน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราววุ่นๆ ที่ต้องเจรจาต่อรองกันอย่างยากลำบาก ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองเกาหลี ทั้งสองฝ่ายจึงต้องร่วมมือกันอย่างลับๆ เพื่อภารกิจตามล่าหวยสุดอลหม่านนี้
ฉากสำคัญที่น่าติดตามคือการเจรจาต่อรองของทั้งสองฝ่ายที่เต็มไปด้วยความฮาและความตื่นเต้น ทั้งฝ่ายทหารเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือต่างก็งัดกลยุทธ์ต่างๆ มาใช้เพื่อชิงไหวชิงพริบกัน นอกจากนี้ยังมีฉากความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทหารทั้งสองฝั่ง ที่แม้จะต่างกันในแนวคิดทางการเมือง แต่ก็มีความเป็นมนุษย์ที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนกัน ถือเป็นหนังที่ผสมผสานความตลกขบขันเข้ากับประเด็นความขัดแย้งได้อย่างลงตัว ทำให้คนดูได้ทั้งเสียงหัวเราะและได้ฉุกคิดไปพร้อมๆ กัน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/
- นักแสดงหลัก: โกคยองพโย, อียีคยอง, อึมมุนซอก, พัคเซวาน, ควักดงยอน, คิมมินโฮ
- ประเภท: ตลก, ทหาร, ชีวิต
- ความยาว: 113 นาที
- กำหนดฉาย: 5 ตุลาคม 2565
- ช่องทางรับชม: Prime Video, TrueID, Viu
3. Time to Hunt ถึงเวลาล่า..เกมล่ายืดเวลาตาย
ในโลกที่เศรษฐกิจล่มสลายและอาชญากรรมอยู่เต็มไปหมด “Time to Hunt” คือเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนหนุ่มสี่คน (จุนซอก, ชางชิก, กีฮุน, และอึน) ที่ฝันอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม พวกเขาวางแผนปล้นบ่อนพนันใต้ดินเพื่อหาเงินก้อนโตและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อแผนการสำเร็จ พวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่าลึกลับนาม “ฮัน” ที่ตามล่าพวกเขาอย่างไม่ลดละ ทำให้ชีวิตที่ฝันถึงกลายเป็นฝันร้ายที่ต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
จุดเด่นของเรื่องคือบรรยากาศที่อึมครึม กดดัน และเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฉากไล่ล่าในเรื่องทำได้อย่างน่าติดตาม ตั้งแต่ฉากเปิดที่กลุ่มเพื่อนต้องลุ้นระทึกกับการปล้นไปจนถึงการเผชิญหน้ากับฮันในสถานที่ต่างๆ ทั้งในอาคารร้างและตามท้องถนน การเล่าเรื่องจะค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนที่ต้องเผชิญกับความกลัวและความเห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เรื่องนี้มีมิติมากกว่าแค่หนังแอ็คชั่นไล่ล่าธรรมดา
ฉากสำคัญที่น่าจดจำคือฉากที่กลุ่มเพื่อนต้องพยายามหลบหนีและเอาชีวิตรอดจากฮันในโรงพยาบาลร้าง ซึ่งเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังและความกดดันได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งฉากจบที่คาดไม่ถึงก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนได้นาน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: อี เจ-ฮุน, อัน แจ-ฮง, ชเว อู-ชิก, พัค จอง-มิน, พัค แฮ-ซู
- ประเภท: อาชญากรรม, ระทึกขวัญ, แอ็คชั่น, ดราม่า
- ความยาว: 134 นาที
- กำหนดฉาย: 23 เมษายน 2020
- ช่องทางรับชม: Netflix
4. My Paparotti มาย ปาพารอตตี
เรื่องราวของ My Paparotti เป็นการเดินทางที่ชวนติดตามของเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงโอเปร่า แต่เส้นทางชีวิตกลับพาเขาเข้าไปพัวพันกับโลกของแก๊งอันธพาล เขาชื่อว่า จางโฮ ครับ แม้ภายนอกจะดูแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ แต่เมื่อเขาได้ยืนอยู่หน้าไมค์ เสียงที่เปล่งออกมากลับไพเราะและเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับ ซังจิน ครูสอนร้องเพลงผู้เคยเป็นนักร้องเสียงเทเนอร์ชื่อดัง แต่ต้องเลิกอาชีพนี้ไปเพราะปัญหาด้านสุขภาพ ซังจินเป็นครูที่เคร่งครัดและตรงไปตรงมา ไม่สนใจในตัวตนอันธพาลของจางโฮเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้คือ พรสวรรค์ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็กคนนี้ เรื่องราวของทั้งคู่จึงเป็นการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างครูที่หมดศรัทธาในตัวเองกับศิษย์ที่เต็มไปด้วยความฝันแต่ถูกสภาพแวดล้อมฉุดรั้ง
ฉากสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ตราตรึงใจคือ ฉากการแสดงความสามารถของจางโฮ ในช่วงเวลาที่ทุกคนมองว่าเขาเป็นเพียงเด็กอันธพาล แต่เมื่อเสียงร้องของเขาดังก้อง ทุกคนในห้องต้องตกตะลึง ฉากที่ซังจินพยายามเคี่ยวเข็ญและผลักดันจางโฮอย่างถึงที่สุดก็เป็นอีกหนึ่งฉากที่ทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งคู่จากความไม่ลงรอยกันในตอนแรกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันที่เกินกว่าคำว่าครูกับศิษย์
ใจความของเรื่องนี้ไม่ได้แค่พูดถึงการทำตามความฝันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึง พลังของการให้อภัย, การยอมรับ และการได้รับโอกาสครั้งที่สอง ซังจินมอบโอกาสให้จางโฮได้เดินตามฝัน ส่วนจางโฮก็ช่วยให้ซังจินได้กลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง เป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วอิ่มเอมและอบอุ่นหัวใจอย่างแท้จริงเลยครับ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.iq.com
- นักแสดงหลัก: อี เจ-ฮุน, ฮัน ซอก-กยู, โอยอนซู, คัง โซ-รา, โจ จิน-อุง
- ประเภท: ชีวิต, ดราม่า, ดนตรี
- ความยาว: 127 นาที
- กำหนดฉาย: 14 มีนาคม 2013
- ช่องทางรับชม : IQIyi
5. Hard Hit
คุณเคยได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลก ๆ ที่บอกว่า “มีระเบิดซ่อนอยู่ในรถของคุณ” ไหม? นี่คือจุดเริ่มต้นของความตื่นเต้นที่แทบหยุดหายใจใน “Hard Hit” ภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่พาคนดูไปลุ้นระทึกทุกวินาที
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เมื่อ ซองกยู (รับบทโดย โจ อูจิน) ผู้จัดการธนาคารหนุ่มที่กำลังขับรถไปส่งลูกสาวและลูกชายไปโรงเรียนในเช้าวันหนึ่ง แต่แล้วชีวิตปกติของเขาก็พลิกผันเมื่อมีโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามา โดยปลายสายอ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและได้ติดตั้งระเบิดไว้ใต้เบาะรถของเขา พร้อมคำเตือนว่า “ถ้าคุณลุกออกจากรถ หรือหากมีใครพยายามเปิดประตูรถ ระเบิดจะทำงานทันที”
จากพ่อที่กำลังหงุดหงิดกับการจราจร ซองกยูต้องเปลี่ยนมาเป็นพ่อที่ต้องรักษาชีวิตลูก ๆ และตัวเองไว้ให้ได้ เขาต้องทำตามคำสั่งของคนร้ายทุกอย่างอย่างจำยอม ขณะเดียวกันเขาก็ต้องพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปพร้อมกับลูก ๆ ที่อยู่ในรถด้วยความตื่นตระหนก
หนังเรื่องนี้ทำได้ยอดเยี่ยมในการสร้างบรรยากาศบีบคั้นหัวใจ ฉากสำคัญที่น่าประทับใจคือเมื่อ ซองกยู ต้องพยายามขับรถตามคำสั่งคนร้ายไปตามถนนในเมืองปูซานที่เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย โดยที่เขาไม่รู้ว่าปลายทางคืออะไร และยังต้องเผชิญกับตำรวจที่ไล่ล่าเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายเสียเอง
จุดเด่นของเรื่องคือการนำเสนอเรื่องราวแบบ “เรียลไทม์” ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในรถคันนั้นกับตัวละครจริง ๆ นอกจากนี้ยังได้เห็นพัฒนาการทางอารมณ์ของตัวละครที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากความสับสน หวาดกลัว มาเป็นความมุ่งมั่นที่จะเอาตัวรอด ฉากการขับรถไล่ล่าที่ตื่นเต้น และการไขปมปริศนาเบื้องหลังของคนร้าย ทำให้ผู้ชมเดาทางไม่ถูกและต้องลุ้นจนถึงนาทีสุดท้าย

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: โจ อูจิน, อี แจอิน, จี ชางอุค
- ประเภท: ระทึกขวัญ, แอ็กชัน, ดราม่า
- ความยาว: 94 นาที
- กำหนดฉาย: 26 สิงหาคม 2564 (ในประเทศไทย)
- ช่องทางรับชม: Netflix
6. 20th Century Girl 20 เซนจูรี รักนี้ซาบซ่า
“20th Century Girl” เล่าเรื่องราวของ “นาโบรา” (รับบทโดย คิมยูจอง) เด็กสาววัยใสวัย 17 ปี ที่มีนิสัยเป็นคนช่างสังเกตและจริงจังกับทุกเรื่อง เพื่อนสนิทของเธอ “คิมยอนดู” (รับบทโดย โรยุนซอ) กำลังจะไปรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศ แต่ก่อนไป เธอได้ขอให้โบราช่วยสืบเรื่องราวของ “แพคฮยอนจิน” (รับบทโดย พัคจองอู) หนุ่มหล่อที่เธอแอบชอบทุกอย่าง ตั้งแต่ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, ที่อยู่, และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา
ภารกิจนี้ทำให้โบราต้องเข้าไปพัวพันกับ “พุงอุนโฮ” (รับบทโดย บยอนอูซอก) เพื่อนสนิทของฮยอนจินโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งจากตอนแรกที่โบราเข้าใจว่าอุนโฮเป็นคนขี้กวนและน่ารำคาญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจากการที่โบราพยายามจะเข้าใกล้ฮยอนจินผ่านอุนโฮ ทำให้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนก่อเกิดเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่าคำว่าเพื่อน
หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การสร้างบรรยากาศของยุค 90s ได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในสมัยนั้นอย่างเพจเจอร์, ตู้เกมหยอดเหรียญ, หรือภาพยนตร์เรื่องดังที่ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว นอกจากนี้ เคมีของนักแสดงนำอย่าง คิมยูจอง และ บยอนอูซอก ก็เข้ากันได้ดีจนผู้ชมอินไปกับความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นของตัวละคร
ฉากสำคัญที่ทำให้เรื่องราวน่าจดจำคือฉากที่โบราและอุนโฮใช้เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการไปดูหนัง, เล่นเกม, หรือเดินเล่นด้วยกัน ภายใต้แสงสีที่สวยงามของเมือง เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสุขและความบริสุทธิ์ของความรักในวัยรุ่นอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม หนังก็มีจุดหักมุมที่ทำให้ผู้ชมต้องเสียน้ำตา ซึ่งเป็นแก่นของเรื่องราวทั้งหมดและทำให้ “20th Century Girl” เป็นหนังที่อยู่ในใจของใครหลายคน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: คิมยูจอง, บยอนอูซอก, พัคจองอู, โรยุนซอ
- ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยรุ่น
- ความยาว: 117 นาที
- กำหนดฉาย: 21 ตุลาคม 2022
- ช่องทางรับชม: Netflix
7. มัธยมซอมบี้
ถ้าคุณกำลังมองหาซีรีส์แนวซอมบี้ที่ทั้งลุ้นระทึก สนุกสุดขีด และกระตุ้นต่อมอะดรีนาลีนแบบไม่หยุดหย่อน มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead) คือเรื่องที่คุณไม่ควรพลาดเลยครับ ซีรีส์เรื่องนี้จะพาเราไปสำรวจความหวังและความสิ้นหวังในโลกที่ล่มสลายจากวิกฤตซอมบี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงเรียนมัธยมปลายฮโยซาน ที่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการระบาดครั้งใหญ่
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ฮันคยอง” นักเรียนชายคนหนึ่งถูกหนูแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อไวรัสประหลาดกัดในห้องวิทยาศาสตร์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่เปลี่ยนโรงเรียนมัธยมธรรมดาให้กลายเป็นนรกบนดินเพียงชั่วข้ามคืน
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามและโดดเด่นไม่เหมือนใครคือการที่ตัวละครหลักเป็นกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์สุดวิกฤต พวกเขาไม่ได้มีทักษะการต่อสู้พิเศษเหมือนทหาร แต่ต้องใช้ไหวพริบ ความกล้า และความสามัคคีเพื่อเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน
ฉากสำคัญที่ต้องพูดถึง ก็คือฉากที่เด็กนักเรียนต้องใช้ทุกอย่างที่มีรอบตัวเป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ โต๊ะเรียน หรือแม้แต่หนังสือเพื่อป้องกันตัวเองจากฝูงซอมบี้ รวมถึงฉากการวิ่งหนีเอาชีวิตรอดในอาคารเรียนที่เต็มไปด้วยซอมบี้กระหายเลือด ที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นจนตัวเกร็งตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอประเด็นทางสังคมต่างๆ ทั้งเรื่องการบูลลี่ในโรงเรียน มิตรภาพ การทรยศหักหลัง และความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ในยามคับขัน ซึ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีมิติมากกว่าแค่เรื่องราวซอมบี้ทั่วไป
หัวใจสำคัญของเรื่อง คือการที่เราจะได้เห็นการเติบโตของตัวละครแต่ละคนจากนักเรียนธรรมดาๆ สู่การเป็นผู้กล้าที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่รู้จบ พวกเขาต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เลือกระหว่างการช่วยเหลือเพื่อนหรือเอาตัวเองให้รอดก่อน ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมและตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร?”
โดยรวมแล้ว มัธยมซอมบี้ ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์ซอมบี้แนวสยองขวัญธรรมดา แต่ยังเป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของชีวิต ความสัมพันธ์ และจิตใจของมนุษย์ในยามที่โลกกำลังจะล่มสลาย

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: พัคจีฮู, ยุนชานยอง, โจอีฮยอน, พัคโซโลมอน, ยูอินซู, อียูมี, อิมแจฮยอก
- ประเภท: แอ็คชั่น, สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, ดราม่า, วัยรุ่น
- ความยาว: 12 ตอน (ตอนละประมาณ 53 – 72 นาที)
- กำหนดฉาย: 28 มกราคม 2565
- ช่องทางรับชม: Netflix
8. The Silent Sea ทะเลสงัด
The Silent Sea ทะเลสงัด’ เป็นซีรีส์แนวไซไฟ-ลึกลับของเกาหลีใต้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของอนาคตอันใกล้ เมื่อโลกกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง
ซีรีส์เรื่องนี้เปิดเรื่องด้วยการเล่าถึง ‘ทีมสำรวจอวกาศ’ ที่ถูกส่งไปยังสถานีวิจัยร้างบนดวงจันทร์ที่เรียกว่า ‘บัลแฮ’ เพื่อภารกิจลับที่มีชื่อว่า ‘ภารกิจย้อนรอย’ หรือ ‘ภารกิจเก็บกู้ตัวอย่าง’ โดยมีวัตถุประสงค์คือการนำตัวอย่างสำคัญบางอย่างกลับมายังโลก ภายในระยะเวลาจำกัดเพียง 24 ชั่วโมง
แต่เมื่อทีมไปถึง กลับพบว่าสถานีบัลแฮไม่ได้ร้างอย่างที่คิด พวกเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดมากมาย ทั้งการตายอย่างปริศนาของนักวิทยาศาสตร์ในสถานี ไปจนถึงการค้นพบ ‘วัตถุบางอย่าง’ ที่มีพลังเหนือธรรมชาติและสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้
‘The Silent Sea ทะเลสงัด’ เป็นซีรีส์เกาหลีที่ผสมผสานความเป็นไซไฟ-ลึกลับ-ทริลเลอร์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ตัวซีรีส์ไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นอลังการมากมาย แต่เน้นไปที่การสร้างบรรยากาศที่ตึงเครียด การเล่าเรื่องที่น่าติดตาม และการตั้งคำถามที่ชวนให้ผู้ชมได้คิดตามไปตลอดทั้งเรื่อง
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบหนังหรือซีรีส์แนวไซไฟ-ลึกลับที่เน้นการสร้างปมปริศนาและค่อยๆ เฉลยออกมาอย่างมีชั้นเชิง ซีรีส์เรื่องนี้คืออีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: กงยู, แบดูนา, อีจุน, คิมซอนยอง, อีมูแซง, อียูยอน
- ประเภท: ไซไฟ, ลึกลับ, ระทึกขวัญ
- ความยาว: 8 ตอน
- กำหนดฉาย: 24 ธันวาคม 2021
- ช่องทางรับชม: Netflix
9. Deliver Us from Evil ให้มันจบที่นรก
หนังเกาหลีแนวแอ็คชั่นสุดระทึก “Deliver Us from Evil ให้มันจบที่นรก” เป็นผลงานที่แฟนหนังสายบู๊ไม่ควรพลาด ด้วยการรวมตัวของสองนักแสดงนำระดับท็อปอย่าง ฮวังจองมิน และ อีจองแจ ที่เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วในเรื่อง “New World” ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นที่จับตามองตั้งแต่เริ่มเปิดตัว
Deliver Us from Evil เล่าเรื่องราวของ อินนัม (รับบทโดย ฮวังจองมิน) อดีตนักฆ่าฝีมือดีที่ผันตัวมาเป็นนักรับจ้างเก็บกวาดงานสกปรกครั้งสุดท้ายในชีวิตเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อคดีล่าสุดที่เขาไปก่อไว้ในญี่ปุ่น ทำให้เขาต้องเดินทางไปตามหาลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไปจากประเทศไทย ความจริงที่ต้องเผชิญคือ เรย์ (รับบทโดย อีจองแจ) น้องชายของเหยื่อรายสุดท้ายของอินนัม กำลังตามมาล้างแค้นอย่างบ้าคลั่ง ความแค้นที่ถูกจุดขึ้นทำให้เรย์พร้อมที่จะตามล่าอินนัมไปทุกหนแห่ง ไม่ว่าอินนัมจะหลบหนีไปที่ไหน เรย์ก็จะตามไปเหมือนปีศาจร้ายไม่ยอมหยุด
หนังพาผู้ชมไปกับการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างทั้งสองคน ทั้งฉากไล่ล่าที่สมจริงและฉากต่อสู้แบบประชิดตัวที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้ผู้ชมได้ลุ้นระทึกไปกับการหนีเอาตัวรอดของอินนัมและการไล่ล่าที่ไร้ความปราณีของเรย์ ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องถูกขยายขึ้นเรื่อยๆ โดยมีฉากที่อินนัมต้องพยายามช่วยลูกสาวที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ต้องการจะสังหารเขาให้ได้
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการสร้างตัวละครที่มีมิติ อินนัมเป็นตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความผิดบาปในอดีต แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเอาใจช่วยกับการทำภารกิจที่ยากลำบากในปัจจุบัน ส่วนเรย์นั้นเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความแค้น ความมุ่งมั่นของเขาในการแก้แค้นทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งกลัวและน่าสนใจไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบอย่าง ยูอี (รับบทโดย พัคจองมิน) ชายข้ามเพศชาวเกาหลีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออินนัม สร้างสีสันและความสนุกสนานให้กับการเล่าเรื่องได้อย่างลงตัว

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: ฮวังจองมิน, อีจองแจ, พัคจองมิน
- ประเภท: แอคชั่น, ทริลเลอร์, อาชญากรรม
- ความยาว: 108 นาที
- กำหนดฉาย: 5 สิงหาคม 2563
- ช่องทางรับชม: Netflix
10. Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง
ภาพยนตร์เกาหลีฟอร์มยักษ์ที่แฟนหนังซอมบี้ไม่ควรพลาด นั่นคือเรื่อง “Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคต่อจากเรื่องดังอย่าง “Train to Busan ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ความหลอนและระทึกขวัญไปทั่วโลกมาแล้ว
เรื่องราวเริ่มต้นจาก… 4 ปีหลังจากเหตุการณ์รถไฟด่วนนรกซอมบี้ระบาด ภาพยนตร์จะพาเราไปสู่โลกที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คาบสมุทรเกาหลีได้กลายเป็นดินแดนที่ไร้ผู้คนและเต็มไปด้วยซอมบี้ ที่พร้อมจะฉีกกระชากทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ให้สิ้นซาก จองซอก อดีตทหารเรือที่ต้องหนีออกจากเกาหลีพร้อมกับครอบครัว แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียทุกอย่างไป เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคนไร้บ้านในฮ่องกง จนกระทั่งมีกลุ่มมาเฟียเสนอภารกิจสุดอันตรายให้เขาและพวกพ้อง นั่นคือการกลับเข้าไปในดินแดนต้องห้ามอย่างเกาหลี เพื่อไปตามหารถบรรทุกที่เต็มไปด้วยเงินจำนวนมหาศาลที่จอดทิ้งไว้
เมื่อไปถึงคาบสมุทรเกาหลีที่กลายเป็นนรกไปแล้ว พวกเขาต้องเจอกับซอมบี้ที่วิวัฒนาการและฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และดุดันยิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้คือ กลุ่มคนที่ยังหลงเหลืออยู่ในนั้น และจัดตั้งเป็นกองกำลังทหารที่ไร้ศีลธรรม และพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดและหวังจะหาทางหนีจากนรกนี้ไปให้ได้
Peninsula ไม่ได้เป็นแค่หนังซอมบี้ไล่ล่าธรรมดา แต่ยังสะท้อนถึงด้านมืดของมนุษย์ที่เมื่อถูกบีบให้จนมุมก็จะแสดงธาตุแท้ออกมา แต่ในความมืดมิดนั้นก็ยังคงมีความหวังและความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ เป็นเรื่องราวที่สอนให้เราเห็นว่าการมีชีวิตอยู่ไม่ใช่แค่การหายใจไปวันๆ แต่คือการต่อสู้เพื่อปกป้องความรักและศรัทธาในตัวเอง
นอกจากนี้ การเล่าเรื่องแบบพากย์ไทยทำให้เราสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างเต็มที่ และไม่ต้องกังวลเรื่องการอ่านซับไตเติล ทำให้สามารถดื่มด่ำกับความมันส์และเนื้อเรื่องได้อย่างไม่สะดุด
สำหรับใครที่ชอบหนังซอมบี้แอคชั่นเข้มข้น มีฉากไล่ล่าสุดระทึกและเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตาม “Peninsula ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง” เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ห้ามพลาดเด็ดขาด!

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: คังดงวอน, อีจองฮยอน, ควอนเฮโย, อีเร, คิมมินแจ, คูกโยฮวาน, อีเยวอน
- ประเภท: แอคชั่น, ระทึกขวัญ, สยองขวัญ
- กำหนดฉาย: 23 กรกฎาคม 2563
- ความยาว: 116 นาที
- ช่องทางรับชม : Netflix
และนี่คือทั้งหมดของโลกแห่งซีรีส์เกาหลีพากย์ไทย ที่จะช่วยให้คุณได้รับชมเรื่องราวที่คุณชื่นชอบได้อย่างเต็มอิ่ม และดื่มด่ำไปกับเรื่องราวของตัวละครได้อย่างเข้าถึงอารมณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะรับชมคนเดียวหรือดูกับครอบครัว หนังเกาหลี พากย์ไทย ก็พร้อมที่จะมอบความสุขและช่วงเวลาดีๆ ให้กับคุณเสมอ เพราะการพากย์เสียงที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มอรรถรสและทำให้ซีรีส์สนุกกว่าที่เคย
เพราะฉะนั้น หากคุณอยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศการดูซีรีส์เกาหลีแบบเดิมๆ หรืออยากจะชวนคนใกล้ตัวมารับชมซีรีส์เรื่องโปรดไปพร้อมๆ กัน การเลือกดู หนังเกาหลี พากย์ไทย ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมากๆ ที่จะช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ทุกคนได้รับความสนุกสนานอย่างเต็มที่แน่นอน