
เคยไหมที่รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในสมรภูมิรบอันดุเดือด ทั้งที่ตัวเราแค่นั่งอยู่หน้าจอ? นั่นแหละครับคือมนต์เสน่ห์ของ หนังสงครามโลก! ไม่ว่าจะเป็นเสียงระเบิดกึกก้อง ควันปืนที่คลุ้งไปทั่ว หรือฉากทหารหาญที่ยืนหยัดสู้เพื่อชาติ ภาพเหล่านี้มักจะตรึงเราไว้กับเก้าอี้จนจบเรื่องเสมอ และไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นระทึกใจเท่านั้นนะครับ แต่ หนังสงครามโลก หลายเรื่องยังแฝงไปด้วยเรื่องราวความกล้าหาญ มิตรภาพ และการเสียสละที่ทำให้เราต้องกลับมาคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง
สำหรับคอหนังที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และฉากแอคชั่นสุดมันส์ หนังสงครามโลก ถือเป็นแนวที่ห้ามพลาดเลยจริงๆ ครับ เพราะนอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว เรายังได้เรียนรู้แง่มุมต่างๆ ของสงคราม และชีวิตของผู้คนในยุคนั้นได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีการสร้างหนังก้าวหน้าไปไกล ทำให้ฉากการรบดูสมจริงจนแทบจะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงสุดยอด หนังสงครามโลก ในตำนาน ผมอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้หนังแนวนี้ยังคงครองใจผู้ชมมาได้ตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดำดิ่งสู่โลกของสงครามผ่านจอภาพยนตร์ไปพร้อมกันเลยครับ!
1. Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก
ลองจินตนาการถึงภาพความรุนแรงของสงครามที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่ง ลองนึกถึงความกล้าหาญที่ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย และภารกิจที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้… นี่คือ “Saving Private Ryan” ภาพยนตร์ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่ใจกลางของความโหดร้ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 และสัมผัสกับนิยามของคำว่า “วีรบุรุษ” ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงวัน D-Day อันเลื่องชื่อ เมื่อกองทัพพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่หาดโอมาฮา จุดที่ทหารจำนวนมากต้องสังเวยชีวิตภายใต้กระสุนและระเบิดของฝ่ายเยอรมัน คุณจะถูกกระชากเข้าไปในเหตุการณ์นี้ทันทีในฉากเปิดเรื่องที่สมจริงจนน่าตกใจ ความโกลาหล เสียงปืน กระสุนที่พุ่งผ่านอากาศ และร่างที่ล้มลงอย่างไม่มีชีวิต คือสิ่งที่ฉายชัดให้เห็นถึงความหฤโหดของสมรภูมิ
ท่ามกลางความอลหม่านนี้เอง พลทหารเจมส์ ไรอัน (รับบทโดย แมตต์ เดมอน) กลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามอง เมื่อพี่ชายสามคนของเขาเสียชีวิตในสงคราม เหลือเพียงเขาคนเดียวที่เป็นความหวังสุดท้ายของครอบครัว รัฐบาลสหรัฐฯ จึงมีคำสั่งพิเศษให้หน่วยทหารกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของร้อยเอกมิลเลอร์ (รับบทโดย ทอม แฮงค์ส) ออกตามหาพลทหารไรอัน และพาเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย
ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! ร้อยเอกมิลเลอร์และลูกทีมของเขา ซึ่งประกอบไปด้วยทหารที่ต่างมีภูมิหลังและนิสัยแตกต่างกันไป ต้องเดินทางฝ่าดงกระสุนและอันตรายนานัปการเข้าไปยังแนวหน้าของศัตรู ทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง ทุกการตัดสินใจคือชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า พบเห็นความโหดร้ายของสงครามที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นสัตว์ป่า และต้องตั้งคำถามว่าภารกิจตามหาชายคนเดียวนี้คุ้มค่ากับการที่พวกเขาต้องเอาชีวิตเข้าแลกหรือไม่

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://tv.apple.com/
- นักแสดงหลัก: ทอม แฮงค์ส, ทอม ไซส์มอร์, เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์, แบร์รี เปปเปอร์, วิน ดีเซล, โจวานนี ริบิซี, เจเรมี เดวีส์, แมตต์ เดมอน
- ประเภท: สงคราม, ดราม่า, ประวัติศาสตร์
- ความยาว: ประมาณ 2 ชั่วโมง 49 นาที
- กำหนดฉาย: 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2541
- ช่องทางรับชม : AppleTV
2. The Shadow in My Eye
“The Shadow in My Eye” เป็นภาพยนตร์ดราม่าสงครามสุดสะเทือนใจจากเดนมาร์ก ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงอันน่าสลดใจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวจะพาเราย้อนกลับไปในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1945 เมื่อกองทัพอากาศอังกฤษได้ปฏิบัติการทิ้งระเบิดใส่กองบัญชาการเกสตาโปในโคเปนเฮเกน แต่ด้วยความผิดพลาดที่ไม่คาดคิด ระเบิดบางส่วนกลับตกใส่โรงเรียนเฟรเดอริกส์เบิร์ก เป็นเหตุให้เด็กนักเรียนและแม่ชีบริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
ใจความสำคัญของเรื่อง คือการแสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมจากความผิดพลาดในสงคราม ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเรื่องราว ภาพยนตร์ถ่ายทอดมุมมองที่หลากหลายของตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างกะทันหัน ครูอาจารย์ที่พยายามปกป้องลูกศิษย์อย่างสุดความสามารถ รวมถึงทหารที่ต้องแบกรับความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจ
“The Shadow in My Eye” ไม่ใช่ภาพยนตร์สงครามที่เน้นฉากแอ็คชั่นหรือการสู้รบ แต่เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวด ความสูญเสีย และบาดแผลจากสงครามที่ไม่มีใครเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและความสำคัญของสันติภาพ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: Alex Høgh Andersen, Fanny Bornedal, Bertram Bisgaard Enevoldsen, Ester Birch, Ella Nilsson, Malte Houe, Josefine Højgaard Stork, Jens Sætter-Lassen, Maria Rossing, Mads Riisom
- ประเภท: ดราม่า, สงคราม, ประวัติศาสตร์
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 47 นาที
- กำหนดฉาย: ภาพยนตร์เข้าฉายในประเทศเดนมาร์กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2021 และเข้าฉายใน Netflix ทั่วโลกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2022
- ช่องทางรับชม : Netflix
3. Munich – The Edge of War
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดของยุโรปในปี 1938 เมื่อฮิตเลอร์กำลังรุกคืบเข้ายึดเชโกสโลวาเกีย และสงครามโลกครั้งที่สองดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “Munich – The Edge of War” (มิวนิก – วิกฤตการณ์เยอรมัน) พาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาสำคัญนั้น ผ่านสายตาของเพื่อนเก่าสองคน ที่พบกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่อันตรายและเต็มไปด้วยการเมือง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นด้วยการแนะนำตัวละครหลักสองคน คือ ฮิวจ์ เลแก็ต (George MacKay) เจ้าหน้าที่หนุ่มชาวอังกฤษผู้มีความมุ่งมั่น และ พอล ฟอน ฮาร์ตมันน์ (Jannis Niewöhner) นักการทูตชาวเยอรมันผู้ผิดหวังกับแนวทางของพรรคนาซี ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่เคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่ตอนนี้กลับต้องมาเผชิญหน้ากันในฐานะตัวแทนของประเทศที่กำลังจะปะทะกัน
จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่การถ่ายทอดบรรยากาศของความตึงเครียดทางการเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม การประชุมมิวนิก ซึ่งเป็นฉากสำคัญของเรื่อง ได้รับการนำเสนออย่างละเอียดและเข้มข้น เราได้เห็นการเจรจาต่อรองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์และเดิมพันอันสูงลิ่ว การเผชิญหน้าระหว่างผู้นำประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เนวิลล์ แชมเบอร์เลน (Jeremy Irons) และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Ulrich Matthes) เป็นฉากที่ทรงพลังและน่าติดตาม

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: George MacKay, Jannis Niewöhner, Jeremy Irons, Ulrich Matthes, Sandra Hüller, Liv Lisa Fries
- ประเภท: ดราม่า, ประวัติศาสตร์, สงคราม
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 12 นาที
- กำหนดฉาย: 21 มกราคม 2022
- ช่องทางรับชม : Netflix
4. ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ
ภาพยนตร์เปิดเรื่องขึ้นเมื่อยานอวกาศรูปทรงประหลาดขนาดมหึมา 12 ลำปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าทั่วโลกโดยไม่มีคำเตือนหรือการสื่อสารใด ๆ สร้างความสับสนและตื่นตระหนกไปทั่วโลก รัฐบาลและกองทัพต่าง ๆ พยายามหาวิธีสื่อสารกับผู้มาเยือนจากต่างดาวเพื่อไขปริศนาว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร หรือต้องการอะไรจากโลกกันแน่
จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่ ดร. หลุยส์ แบงก์ส (เอมี่ อดัมส์) นักภาษาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ถูกเรียกตัวเข้ามาเพื่อถอดรหัสภาษาของสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่เรียกว่า “เฮปตาพอดส์” (Heptapods) ซึ่งมีรูปร่างคล้ายปลาหมึกยักษ์เจ็ดหนวด ด้วยความร่วมมือกับ เอียน ดอนเนลลี่ (เจเรมี่ เรนเนอร์) นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎี พวกเขาต้องแข่งกับเวลาและความหวาดระแวงที่เพิ่มขึ้นจากนานาชาติ เพื่อทำความเข้าใจภาษาและเจตนาของเอเลี่ยนก่อนที่ความตึงเครียดจะบานปลายกลายเป็นสงคราม
ฉากสำคัญที่น่าติดตาม คือช่วงเวลาที่ดร. แบงก์สพยายามทำความเข้าใจภาษาของเฮปตาพอดส์ ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด ไม่ใช่การเขียนแบบเส้นตรง แต่เป็นรูปวงกลมคล้ายหมึกที่พ่นออกมา สิ่งนี้เองที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมุมมองของดร. แบงก์สเกี่ยวกับเวลาและจักรวาล ทำให้เธอเริ่มมองเห็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้พร้อมกัน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องทั้งหมด

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: เอมี่ อดัมส์, เจเรมี่ เรนเนอร์, ฟอร์เรสต์ วิทเทกเกอร์
- ประเภท: ไซไฟ, ดราม่า, ลึกลับ
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 56 นาที
- กำหนดฉาย: 11 พฤศจิกายน 2016
- ช่องทางรับชม : Netflix
5. แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นด้วยความกระตือรือร้นของ พอล บอยเมอร์ เด็กหนุ่มชาวเยอรมันที่ถูกปลุกระดมด้วยแนวคิดชาตินิยมและความฝันอันโรแมนติกเกี่ยวกับการเป็นวีรบุรุษในสงคราม เขาและเพื่อนร่วมชั้นได้สมัครเข้าเป็นทหารด้วยความเชื่อมั่นว่าจะได้กลับบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหรียญกล้าหาญ แต่ความเป็นจริงในแนวรบกลับโหดร้ายกว่าที่จินตนาการไว้มาก
ฉากเปิดเรื่องที่สะเทือนใจคือภาพเครื่องแบบทหารที่ถูกซัก ลอกคราบเลือดและสิ่งสกปรกออก ก่อนที่จะถูกส่งต่อไปยังทหารเกณฑ์ชุดใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตที่ถูกใช้แล้วทิ้งไปในสนามรบอย่างน่าอนาถ
เมื่อพอลและเพื่อนๆ ไปถึงแนวหน้า พวกเขาต้องเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้าย การขาดแคลนอาหาร ความหนาวเย็น และที่สำคัญที่สุดคือความตายที่อยู่รอบตัวทุกขณะ ฉากการโจมตีของข้าศึกที่ปืนใหญ่กระหน่ำไม่หยุดหย่อน ดินโคลนที่ผสมกับเลือดและเศษซากศพ กลายเป็นภาพที่หลอนติดตา การวิ่งหนีตายในหลุมเพลาะที่เต็มไปด้วยหนู ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในทุกๆ วัน
“แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สงครามที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ แต่เป็นการสำรวจจิตใจของมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายถึงขีดสุด มันทำให้เราเห็นว่าสงครามไม่ได้มีแต่ผู้ที่ชนะหรือแพ้ แต่ทุกคนล้วนเป็นผู้สูญเสีย และสงครามไม่เคยนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มีแต่ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง และชีวิตที่ถูกพรากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: เฟลิกซ์ คัมเมเรอร์, อัลเบร็คท์ ชุค, อารอน ฮิลเมอร์, ดาเนียล บรืห์ล, เอเดรียน แฟริเออร์
- ประเภท: สงคราม, ดราม่า, ต่อต้านสงคราม
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 27 นาที
- วันที่ออกอากาศ : 12 กันยายน 2022
- ช่องทางรับชม : Netflix
6. Sand Castle
“Sand Castle” ไม่ใช่ภาพยนตร์เอเลี่ยนอย่างที่คุณเข้าใจ แต่เป็นภาพยนตร์สงครามที่ตีแผ่ความบอบช้ำและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสงครามอิรักได้อย่างถึงแก่น ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราดำดิ่งไปในภารกิจที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึงความไร้เหตุผลของสงครามและภาระที่ทหารต้องแบกรับ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นกับ พลทหารแมตต์ โอครี (Matt Ocre) ทหารหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งถูกส่งไปประจำการในอิรัก เขาเป็นเพียงช่างซ่อมวิทยุที่ไม่ได้อยากมีส่วนร่วมในการรบ แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบคั้น เขาและหน่วยของเขาได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อซ่อมแซมระบบน้ำประปาที่ถูกทำลายจากการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นภารกิจที่เรียบง่าย แต่กลับกลายเป็นบททดสอบความอดทนและความอยู่รอดของพวกเขา
สิ่งที่ทำให้ “Sand Castle” น่าติดตามคือการที่ภาพยนตร์ไม่ได้นำเสนอภาพสงครามที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นบู๊ล้างผลาญ แต่กลับเน้นไปที่ความจริงอันโหดร้ายของสงคราม ผ่านสายตาของพลทหารโอครี เราจะเห็นถึงความสับสน ความหวาดกลัว และความสิ้นหวังของทหารที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่พวกเขาไม่เข้าใจ หมู่บ้านที่พวกเขาไปซ่อมแซมระบบน้ำนั้น เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจจากชาวบ้านที่เบื่อหน่ายกับสงคราม และความไม่แน่นอนจากกลุ่มกบฏที่ซุ่มโจมตีอยู่ทุกเมื่อ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: Nicholas Hoult, Henry Cavill, Logan Marshall-Green, Glen Powell, Tommy Flanagan
- ประเภท: ดราม่า, สงคราม
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 53 นาที
- กำหนดฉาย: 21 เมษายน 2017
- ช่องทางรับชม : Netflix
7. กระสุนสังหารพลิกโลก
เคยสงสัยไหมว่าถ้าสองสายพันธุ์เอเลี่ยนที่ดุร้ายที่สุดในจักรวาลมาปะทะกัน ใครจะเป็นผู้ชนะ? “กระสุนสังหารพลิกโลก” หรือ “Alien vs. Predator” คือคำตอบของคำถามที่แฟนๆ ทั้งสองแฟรนไชส์ตั้งตารอคอย มันไม่ใช่แค่การนำเอาตัวละครที่โด่งดังมาสู้กันเท่านั้น แต่เป็นการผสานโลกของ Predator นักล่าอวกาศผู้ยิ่งใหญ่ กับ Alien สิ่งมีชีวิตสุดสะพรึง เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวและน่าตื่นเต้น
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อสัญญาณความร้อนปริศนาถูกตรวจจับได้จากใต้พื้นโลกในทวีปแอนตาร์กติกา มหาเศรษฐีผู้ลึกลับ ชาร์ลส บิชอพ เวย์แลนด์ (Lance Henriksen) ผู้หลงใหลในสิ่งเร้นลับ ได้รวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นนักโบราณคดี, นักธรณีวิทยา, หรือแม้กระทั่งนักสำรวจขั้วโลกอย่าง เล็กซ์ วู้ดส์ (Sanaa Lathan) เพื่อเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ การเดินทางสู่ดินแดนน้ำแข็งที่ห่างไกลความเจริญนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนความหวาดระแวง เพราะไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งนั้นคืออะไร
เมื่อทีมสำรวจเดินทางมาถึง พวกเขาก็ได้พบกับปิรามิดขนาดมหึมาที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน ปิรามิดแห่งนี้เต็มไปด้วยปริศนาและกับดักโบราณที่ซับซ้อน แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ในนั้น ที่นี่คือสนามประลองโบราณ ที่ซึ่ง Predetor รุ่นเยาว์จะถูกส่งมาเพื่อผ่านพิธีกรรมการล่า “เซโนมอร์ฟ” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Alien เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตนเอง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: Tom Hanks, Tom Sizemore, Edward Burns, Barry Pepper, Adam Goldberg, Vin Diesel, Giovanni Ribisi, Jeremy Davies
- ประเภท: สงคราม, ชีวิต, แอคชั่น
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 49 นาที
- กำหนดฉาย: 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1998
- ช่องทางรับชม : Netflix
8. วันยึดโลก
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบสงบในคืนหนึ่งที่แสนธรรมดา แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวัตถุประหลาดจำนวนมากตกลงมาจากฟากฟ้า พุ่งตรงลงสู่มหาสมุทรทั่วโลก ทั่วโลกต่างตื่นตระหนกและไม่เข้าใจถึงปรากฏการณ์นี้ จนกระทั่งรุ่งเช้า ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวก็เผยตัวขึ้น นั่นคือ การรุกรานจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก ที่ไม่ได้มาเยือนด้วยเจตนาดี
เรื่องราวจะเน้นไปที่หน่วยนาวิกโยธินกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ประจำการอยู่ในลอสแอนเจลิส เมืองใหญ่ที่กลายเป็นสมรภูมิรบไปในพริบตา เมื่อเอเลี่ยนเหล่านี้เปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงและไร้ความปรานี ทหารที่เคยฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมกลับพบว่าศัตรูที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่นั้นเหนือกว่าทุกสิ่งที่เคยเจอมา พวกมันมาพร้อมอาวุธล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่ไม่อาจหยั่งถึง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและสิ้นหวัง เสียงปืนใหญ่และระเบิดดังสนั่นไปทั่วเมือง
จุดเด่นของเรื่อง อยู่ที่ความสมจริงของฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดและกดดัน ผู้ชมจะได้สัมผัสถึงความโกลาหลและความสิ้นหวังของทหารที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ามาก แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์และบ้านเกิดของตน ฉากสำคัญที่น่าจดจำ คือฉากที่หน่วยนาวิกโยธินต้องเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มพลเรือนที่ติดอยู่ในสถานีตำรวจที่ถูกล้อมโดยเอเลี่ยน การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในพื้นที่ปิดล้อมนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลุ้นระทึกทุกวินาที อีกฉากที่ไม่ควรพลาดคือการเปิดเผยจุดอ่อนของเอเลี่ยน ที่ทำให้มนุษย์เริ่มมีความหวังในการต่อสู้กับพวกมันได้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามและความกล้าหาญของมนุษย์ที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: แอรอน เอ็กฮาร์ต, มิเชล ร็อดริเกซ, รามอน โรดริเกซ, บริดเจต โมนาฮาน, ไมเคิล พีน่า, เน-โย
- ประเภท: แอ็กชัน, ไซไฟ, สงคราม
- ความยาว: 1 ชั่วโมง 56 นาที
- กำหนดฉาย: 11 มีนาคม 2011
- ช่องทางรับชม : Netflix
9. Midway อเมริกา ถล่ม ญี่ปุ่น
“The Forgotten Battle” ไม่ใช่หนังเอเลี่ยนอย่างที่คุณเข้าใจ แต่เป็นภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 อันทรงพลังจากเนเธอร์แลนด์ ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่ใจกลางของความขัดแย้งที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงนัก นั่นคือยุทธการที่เชลดต์ (Battle of the Scheldt) ในปี 1944 การสู้รบอันดุเดือดเพื่อเปิดเส้นทางสู่ท่าเรือแอนต์เวิร์ปที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในการส่งเสบียงให้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ร้อยเรียงเรื่องราวของสามตัวละครหลักที่โชคชะตาพาให้มาบรรจบกันในสมรภูมิอันโหดร้าย แต่ละคนต่างมีแรงจูงใจและความหวังที่แตกต่างกัน แต่ล้วนต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันน่าสะเทือนใจของสงคราม
“The Forgotten Battle” ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์สงครามที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชัน แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่ตั้งคำถามถึงคุณค่าของชีวิต ความหมายของสงคราม และความยืดหยุ่นของจิตวิญญาณมนุษย์ แม้จะเป็นสมรภูมิที่ถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมจดจำและตระหนักถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสงครามอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
- นักแสดงหลัก: Gijs Blom, Jamie Flatters, Susan Radder, Tom Felton, Jan Bijvoet, Coen Bril
- ประเภท: สงคราม, ประวัติศาสตร์, ดราม่า
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 7 นาที
- วันที่ออกอากาศ : 15 ตุลาคม 2021
- ช่องทางรับชม : Netflix
10. The Forgotten Battle
“Midway” ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่สองธรรมดา แต่เป็นการพาผู้ชมดำดิ่งสู่หนึ่งในยุทธการทางทะเลที่พลิกโฉมหน้าสงครามในแปซิฟิกได้อย่างน่าทึ่ง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในห้วงเวลาที่กองทัพญี่ปุ่นกำลังผงาดหลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับสหรัฐอเมริกา ความหวังของชาวอเมริกันดูเลือนราง แต่ท่ามกลางความมืดมิดนั้น แผนการอันชาญฉลาดและความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาก็เริ่มก่อตัวขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เน้นแค่ฉากการรบที่ยิ่งใหญ่ตระการตาเท่านั้น แต่ยังเจาะลึกไปในชีวิตของเหล่าทหารหาญ ทั้งนักบินที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายบนท้องฟ้า และนักข่าวที่ต้องถ่ายทอดความจริงอันโหดร้ายของสงคราม ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ แต่พวกเขามีเลือดเนื้อ มีความกลัว มีความหวัง และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องชาติ ฉากสำคัญที่ตราตรึงใจคือการถอดรหัสลับของญี่ปุ่นที่ทำให้สหรัฐฯ รู้ถึงแผนการโจมตีมิดเวย์ล่วงหน้า ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องราว และฉากการทิ้งระเบิดใส่เรือบรรทุกเครื่องบินของญี่ปุ่นที่แสดงให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและความหวาดกลัวในสมรภูมิได้อย่างยอดเยี่ยม
ใจความสำคัญของ “Midway” คือการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญอันไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ในยามคับขัน ความเสียสละเพื่อชาติ และการทำงานเป็นทีมที่นำไปสู่ชัยชนะที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าฉากการรบทางอากาศและทางทะเลจะทำให้คุณต้องลุ้นระทึกจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่สิ่งที่น่าจดจำที่สุดคือเรื่องราวของ “ผู้คน” ที่ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตาและเลือกที่จะสู้เพื่ออนาคต ถ้าคุณชอบภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง มีฉากแอ็กชันสุดมันส์ และเรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ “Midway” คือภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.imdb.com/title/tt33398245/mediaviewer/rm4108818178/
- นักแสดงหลัก: Ed Skrein, Patrick Wilson, Luke Evans, Aaron Eckhart, Nick Jonas, Mandy Moore, Dennis Quaid, Woody Harrelson
- ประเภท: แอ็กชัน, ดราม่า, ประวัติศาสตร์, สงคราม
- ความยาว: 2 ชั่วโมง 18 นาที
- กำหนดฉาย: 8 พฤศจิกายน 2562
- ช่องทางรับชม : Netflix
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบ หนังสงครามโลก เพราะฉากแอคชั่นสุดระทึก เรื่องราวประวัติศาสตร์อันเข้มข้น หรือแง่มุมของมนุษยธรรมที่ซ่อนอยู่ หนังเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าในตัวเอง และทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงความโหดร้ายของสงคราม และความสำคัญของสันติภาพ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคอหนังทุกคนที่กำลังมองหา หนังสงครามโลก เรื่องใหม่ๆ มาดูกันนะครับ และอย่าลืมว่าหนังแต่ละเรื่องนั้นสร้างขึ้นมาจากความตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ลองเปิดใจดูให้ครบทุกรสชาติ แล้วคุณจะพบว่าโลกของหนังสงครามนั้นกว้างใหญ่และน่าสนใจกว่าที่คิดเยอะเลยครับ!