10 อันดับ ซีรีส์วาย บทดีโปรดักชั่นปัง สนุกครบรส

หลายคนคงคุ้นเคยและหลงรัก ซีรีส์วาย กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักโรแมนติก มิตรภาพที่ลึกซึ้ง หรือแม้แต่ปมดราม่าสุดเข้มข้นที่ชวนให้ติดตามจนวางไม่ลง ซีรีส์วาย ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายคนไปแล้ว ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ยังรวมถึงแฟนๆ ทั่วโลกเลยล่ะค่ะ

แต่เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไม ซีรีส์วาย ถึงได้เข้าไปอยู่ในใจของเราได้ขนาดนี้? อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เราต้องเฝ้ารอคอยทุกสัปดาห์ หรือบางครั้งก็พร้อมจะดำดิ่งดูรวดเดียวจบแบบไม่หลับไม่นอน วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเบื้องหลังความสำเร็จและปรากฏการณ์ที่ ซีรีส์วาย สร้างขึ้นในสังคมกันค่ะ

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนตัวยงที่ติดตามมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก หรือเพิ่งจะเข้ามาสัมผัสโลกของ ซีรีส์วาย ได้ไม่นาน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมที่น่าสนใจ ตั้งแต่พัฒนาการของซีรีส์วายในประเทศไทย ไปจนถึงผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมที่ ซีรีส์วาย ได้สร้างขึ้น เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ!


1. คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์ (KinnPorsche The Series)

คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์ (KinnPorsche The Series): บอดี้การ์ดสุดฮอต กับมาเฟียสุดปัง ความสัมพันธ์ที่เกินกว่าหน้าที่

“คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์” ไม่ใช่แค่ซีรีส์วายธรรมดา แต่คือปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวความรักสุดเข้มข้นระหว่างมาเฟียหนุ่มสุดคูลกับบอดี้การ์ดส่วนตัวที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและหัวใจที่ห้ามไม่ได้ เรื่องราวชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ชวนให้คุณลุ้นไปกับทุกย่างก้าวของความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ พอร์ช พชร (รับบทโดย มาย ภาคภูมิ) บาร์เทนเดอร์หนุ่มสุดเท่ ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูน้องชายเพียงลำพัง ได้เข้าไปพัวพันกับโลกมืดของมาเฟียโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเขาไปช่วยชีวิต คินน์ อนาคินน์ ธีรปัญญากูร (รับบทโดยลอยด์ ณัฐวิญญ์) ทายาทอันดับสองของตระกูลมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของศัตรู ด้วยความสามารถและไหวพริบของพอร์ช ทำให้คินน์เกิดความสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก และยื่นข้อเสนอให้พอร์ชมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว

พอร์ชปฏิเสธข้อเสนอในตอนแรก เพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับโลกของมาเฟีย แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับข้อเสนอ และก้าวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยอันตราย ความขัดแย้ง และการต่อสู้เพื่ออำนาจ ในขณะที่ต้องรับมือกับเรื่องราววุ่นวายรอบตัว พอร์ชและคินน์ก็ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น ความใกล้ชิดนำมาซึ่งความผูกพันที่เกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง จากความขัดแย้งในตอนแรก ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ ความห่วงใย และพัฒนาไปสู่ความรักที่เร่าร้อนและลึกซึ้ง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.iq.com/
  • นำแสดงโดย: มาย ภาคภูมิ ร่มไทรทอง, ลอยด์ ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, เจฟ ซาเตอร์, บาส อัศวภัทร์ ผลิตผลแพร, ต๋อง ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา, ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส สุเมตติกุล, น๊อต ณัชพงษ์พล สุดดี
  • ประเภท: แอ็คชั่น, ดราม่า, โรแมนติก, วาย
  • ความยาว: 14 ตอน
  • กำหนดฉาย: 2 เมษายน 2565
  • ช่องทางรับชม: iQIYI (สำหรับรับชมย้อนหลังและเวอร์ชัน Uncut)

2. นิทานพันดาว 1000Stars

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เธียร (รับบทโดย มิกซ์ สหภาพ) ชายหนุ่มผู้มีชีวิตหรูหราในเมืองใหญ่ ต้องเผชิญหน้ากับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอย่างกะทันหัน หัวใจดวงใหม่ที่เขาได้รับมานั้นเป็นของ ทอฝัน (รับบทโดย อ้าย สรัลชนา) ครูอาสาที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในวันนั้นเอง เธียรได้พบกับบันทึกประจำวันของทอฝัน และความปรารถนาสุดท้ายของเธอที่อยากนับดาวบนท้องฟ้าให้ครบหนึ่งพันดวงกับเด็กๆ บนดอย ความรู้สึกผิดและอยากทำตามความฝันของทอฝัน ทำให้เธียรตัดสินใจสวมรอยเป็นครูอาสาคนใหม่ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านผาปันดาว หมู่บ้านห่างไกลที่ทอฝันเคยสอนอยู่

เมื่อมาถึงที่นั่น เธียรได้พบกับ ภูผา (รับบทโดย เอิร์ท พิรพัฒน์) หัวหน้าหน่วยป่าไม้ผู้แข็งกระด้างและดูเย็นชา แต่ภายใต้ความเข้มงวดนั้น เขาเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ และรักหมู่บ้านแห่งนี้มาก ความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยความไม่เข้าใจและขัดแย้ง เพราะภูผารู้สึกไม่พอใจที่เธียรซึ่งดูอ่อนแอและไม่คุ้นเคยกับชีวิตบนดอย มาแทนที่ทอฝันที่เขารู้สึกผูกพันด้วย

แต่เมื่อเวลาผ่านไป การได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ทำให้ภูผาได้เห็นความพยายามและความตั้งใจของเธียรที่อยากจะดูแลเด็กๆ และทำตามความฝันของทอฝัน ในขณะเดียวกัน เธียรก็ได้เรียนรู้ถึงความเสียสละ ความอดทน และความจริงใจของภูผา มิตรภาพและความผูกพันจึงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงามของผาปันดาว

จุดเด่นสำคัญของเรื่อง คือการค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีฉากหวือหวา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและลึกซึ้ง การที่เธียรได้รับหัวใจของทอฝัน ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดความตั้งใจและความรักที่ทอฝันมีต่อหมู่บ้าน และเป็นแรงผลักดันให้เธียรได้ค้นพบตัวตนใหม่ๆ ในตัวเอง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.gmm-tv.com/
  • นำแสดงโดย: เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ, มิกซ์ สหภาพ วงศ์ราษฎร์
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วาย, ชีวิต, มิตรภาพ
  • ความยาว: 10 ตอน (ตอนละประมาณ 45-50 นาที)
  • กำหนดฉาย: 29 มกราคม พ.ศ. 2564
  • ช่องทางรับชม: GMM25, LINE TV

3. เจ้าชาย Young Royals

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าชายวิลเฮล์มถูกบังคับให้ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนประจำหรูหราอย่าง Hillerska หลังจากก่อเรื่องอื้อฉาว จากเด็กหนุ่มที่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระและไร้ระเบียบวินัย เขากลับต้องมาอยู่ในกรอบที่เข้มงวดของโรงเรียนประจำและสายตาที่จับจ้องของสื่อมวลชน แต่ที่ Hillerska นี่เองที่เขาได้พบกับ ไซม่อน (Simon) นักเรียนทุนผู้มีความสามารถด้านดนตรี ทั้งสองเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าคำว่าเพื่อน ความรักครั้งนี้เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเจ้าชาย

จุดเด่นสำคัญของ “Young Royals” อยู่ที่การนำเสนอประเด็นที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องราวความรักโรแมนติก แต่ยังรวมถึง การต่อสู้กับชนชั้นทางสังคม ความเหลื่อมล้ำระหว่างนักเรียนทุนและชนชั้นสูง การตั้งคำถามกับ ขนบธรรมเนียมประเพณีของราชวงศ์ และ การค้นหาอัตลักษณ์ทางเพศ การที่เจ้าชายวิลเฮล์มซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์มาตกหลุมรักกับไซม่อนที่เป็นนักเรียนชนชั้นกลาง แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่เขาต้องเผชิญในการเลือกระหว่างความสุขส่วนตัวกับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/th/
  • นำแสดงโดย: Edvin Ryding (ในบทเจ้าชายวิลเฮล์ม), Omar Rudberg (ในบทไซม่อน), Malte Gårdinger (ในบทออกุสต์), Frida Argento (ในบทซาร่า), Nikita Uggla (ในบทเฟลิเซีย)
  • ประเภท: ดราม่า, โรแมนติก, วัยรุ่น
  • ความยาว: ซีซัน 1 มี 6 ตอน, ซีซัน 2 มี 6 ตอน, ซีซัน 3 มี 5 ตอน
  • กำหนดฉาย:
  • ซีซัน 1: 1 กรกฎาคม 2021
  • ซีซัน 2: 1 พฤศจิกายน 2022
  • ซีซัน 3: 11 มีนาคม 2024 (พาร์ท 1), 18 มีนาคม 2024 (พาร์ท 2)
  • ช่องทางรับชม: Netflix

4. การุณยฆาต

ซีรีส์วายเรื่อง “การุณยฆาต” เป็นผลงานที่พลิกโฉมวงการซีรีส์วายไปสู่มิติใหม่ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวสุดเข้มข้นที่ผสมผสานความโรแมนติกเข้ากับประเด็นทางสังคมอันหนักหน่วงอย่างการุณยฆาตได้อย่างลงตัว ตัวซีรีส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวความรักของชายสองคน แต่ยังเจาะลึกเข้าไปในคุณค่าของชีวิต ความเจ็บปวด การตัดสินใจ และความเห็นอกเห็นใจ ทำให้ผู้ชมได้ขบคิดและตั้งคำถามไปพร้อม ๆ กับตัวละคร

“การุณยฆาต” บอกเล่าเรื่องราวของ แพทย์หนุ่ม ผู้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดของคนไข้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา และ ชายหนุ่มอีกคน ที่กำลังเผชิญหน้ากับความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัวละครทั้งสองต้องมาพบกันภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นหัวใจ การตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะจบชีวิตลงอย่างมีเกียรติจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อน

จุดเด่นสำคัญ ของซีรีส์คือการที่ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวแบบขาวดำ แต่กลับนำเสนอประเด็นการุณยฆาตในมุมมองที่หลากหลาย ชวนให้คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดเมื่อความทุกข์ทรมานถึงขีดสุด ซีรีส์พาเราไปสำรวจความรู้สึกของทั้งผู้ที่ตัดสินใจและผู้ที่ต้องแบกรับผลจากการตัดสินใจนั้น ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นระหว่างตัวละครหลักท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางนี้เองที่ทำให้เรื่องราวมีความพิเศษและน่าติดตาม

ขอขอบคุณรูปภาพจาก :  https://www.iq.com/
  • นำแสดงโดย: เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เจมส์-ศุภมงคล ศุภมงคล
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, การแพทย์
  • ความยาว: 8 ตอน
  • กำหนดฉาย: 28 พฤศจิกายน 2567 
  • ช่องทางรับชม: iQIYI

5. หอมกลิ่นความรัก

ถ้าคุณกำลังมองหาซีรีส์วายที่ไม่ได้มีแค่ความรักหวานซึ้ง แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวลึกลับ การเดินทางข้ามเวลา และกลิ่นอายความคลาสสิกของอดีต “หอมกลิ่นความรัก” (I Feel You Linger In The Air) คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด ซีรีส์เรื่องนี้จะพาคุณดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึกที่อบอวลไปด้วยความรัก ความผูกพัน และโชคชะตาที่เชื่อมโยงคนสองคนข้ามกาลเวลาได้อย่างน่าอัศจรรย์

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ จอม สถาปนิกหนุ่มในยุคปัจจุบัน ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในน้ำท่ามกลางพายุฝนอันบ้าคลั่ง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขากลับพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในปี 2022 อีกต่อไป แต่ย้อนเวลามาอยู่ในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2470) ณ เรือนปั้นหยาอันงดงามที่บางกระสอ ที่นั่นเขาได้พบกับ คุณใหญ่ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผู้มีใบหน้าคุ้นเคยอย่างประหลาด ความสัมพันธ์ระหว่างจอมและคุณใหญ่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความแตกต่างของยุคสมัยและวัฒนธรรม จอมต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตในอดีต ในขณะที่คุณใหญ่ก็ต้องทำความเข้าใจกับความคิดและเรื่องราวจากโลกอนาคตของจอม

จุดเด่นสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือการนำเสนอเรื่องราวความรักที่ลึกซึ้งและค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่เร่งรัด จอมและคุณใหญ่เรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กันและกันผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งความสุข ความเศร้า และอุปสรรคที่ต้องเผชิญร่วมกัน ฉากสำคัญที่ตรึงใจผู้ชมคือการที่จอมต้องพยายามทำความเข้าใจกับชีวิตในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับตัวให้เข้ากับค่านิยมและขนบธรรมเนียมที่แตกต่างจากยุคของเขา ในขณะเดียวกัน คุณใหญ่เองก็เริ่มมีใจให้จอมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะรู้ว่าจอมมาจากต่างยุคสมัย ความผูกพันของทั้งคู่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นผ่านสายตาที่สื่อความหมาย การกระทำที่บ่งบอกถึงความห่วงใย และคำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวไม่ได้มีเพียงความโรแมนติก แต่ยังมีการคลี่คลายปริศนาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาของจอม และความเชื่อมโยงระหว่างเขากับคุณใหญ่ที่อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วย ฉากสำคัญ ที่ไม่อาจลืมเลือน ไม่ว่าจะเป็นฉากที่จอมพยายามทำความเข้าใจภาษาและวิถีชีวิตแบบโบราณ, ฉากที่จอมกับคุณใหญ่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่เกินจะอธิบาย, หรือฉากที่ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายจากคนรอบข้างและสังคมในยุคนั้น “หอมกลิ่นความรัก” ไม่ได้นำเสนอแค่ความรักระหว่างชายสองคน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมไทยในอดีต การใช้ภาษาที่สละสลวย การแต่งกายที่วิจิตรงดงาม และฉากหลังที่เป็นบ้านเรือนไทยโบราณ ล้วนสร้างบรรยากาศที่น่าติดตามและชวนให้หลงใหล คุณจะได้สัมผัสกับความอบอุ่นของความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น พร้อมกับปริศนาที่ชวนให้ติดตามว่าท้ายที่สุดแล้ว โชคชะตาจะนำพาคนทั้งสองไปในทิศทางใด

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://youku.tv/
  • นำแสดงโดย: นนกุล ชานน สันตินธรกุล, ไบร์ท รพีพงศ์ ทับสุวรรณ
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, ย้อนยุค, แฟนตาซี, BL
  • ความยาว: 12 ตอน (ตอนละประมาณ 50 นาที)
  • กำหนดฉาย: 18 สิงหาคม 2566
  • ช่องทางรับชม: ช่อง One 31, WeTV, youku.tv

6. Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น

“Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น” เป็นซีรีส์วายที่ไม่ได้มีแค่ความรักใสๆ ของวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความเข้าใจ และการยอมรับตัวเอง ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากเว็บคอมมิกสุดฮิตของ Alice Oseman ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างน่ารักและกินใจ จนทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้กลับไปสัมผัสความรู้สึกของการตกหลุมรักครั้งแรกอีกครั้ง

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปลาย เมื่อ ชาร์ลี สปริง (Charlie Spring) เด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมและอ่อนไหว ซึ่งเปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์ไปแล้ว ได้มานั่งข้างๆ นิก เนลสัน (Nick Nelson) นักกีฬารักบี้หนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ในชั้นเรียน พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว ชาร์ลีแอบมีความรู้สึกดีๆ ให้กับนิกตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็พยายามเก็บซ่อนไว้เพราะไม่คิดว่าคนอย่างนิกจะสนใจผู้ชายด้วยกัน แต่แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อยๆ พัฒนาไปในทิศทางที่เหนือความคาดหมาย นิกเองก็เริ่มตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อชาร์ลีและพยายามทำความเข้าใจรสนิยมทางเพศของตัวเอง

จุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตาม คือการนำเสนอเรื่องราวความรักของวัยรุ่นได้อย่างสมจริงและอ่อนโยน ไม่ได้มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ของคู่หลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องราวของเพื่อนๆ รอบข้างที่ต้องเผชิญกับประเด็นต่างๆ ทั้งการค้นหาตัวตน การยอมรับในความหลากหลายทางเพศ การกลั่นแกล้งในโรงเรียน รวมถึงปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกนำเสนอได้อย่างลึกซึ้งและละเอียดอ่อน ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้อย่างอิสระและได้รับความรัก การสนับสนุนจากคนรอบข้าง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Netflix
  • นำแสดงโดย: Joe Locke, Kit Connor, William Gao, Yasmin Finney, Corinna Brown, Kizzy Edgell, Tobie Donovan, Rhea Norwood, Jenny Walser, Sebastian Croft, Olivia Colman
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยรุ่น, LGBTQ+
  • ความยาว: ซีซัน 1 มี 8 ตอน (แต่ละตอนมีความยาวประมาณ 25-35 นาที), ซีซัน 2 มี 8 ตอน (แต่ละตอนมีความยาวประมาณ 30-38 นาที)
  • กำหนดฉาย:
  • ซีซัน 1: 22 เมษายน 2022
  • ซีซัน 2: 3 สิงหาคม 2023
  • ซีซัน 3: กำหนดฉายปลายปี 2024
  • ช่องทางรับชม : Netflix

7. แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I Told Sunset About You)

“แปลรักฉันด้วยใจเธอ” หรือที่รู้จักกันในชื่อสากล “I Told Sunset About You” ไม่ใช่แค่ซีรีส์วายธรรมดา แต่คือปรากฏการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งเอเชีย ด้วยการนำเสนอเรื่องราวความรักของวัยรุ่นที่ทั้งละเอียดอ่อน ซับซ้อน และงดงามจนยากจะลืมเลือน

เรื่องราวของซีรีส์พาเราย้อนกลับไปในวัยใสของ เต๋ (บิวกิ้น พุฒิพงศ์) และ โอ้เอ๋ว (พีพี กฤษฏ์) สองเพื่อนรักในวัยเด็กที่ความฝันและความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องแตกหักลงจากการเข้าใจผิดเรื่องการเข้าเรียนในโรงเรียนเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในฐานะคู่แข่งทางการเรียนที่ต้องสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกัน ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างการติวหนังสือกลับปลุกความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนเร้นในใจของเต๋และโอ้เอ๋วให้ปะทุขึ้นมา

จุดเด่นของเรื่องคือการดำดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ซีรีส์เล่าถึงการค้นหาตัวตน ความสับสนในใจ และความรักที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศที่ตัวละครอย่างเต๋ต้องเผชิญ การเดินทางของเขาในการทำความเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนที่มีต่อโอ้เอ๋ว ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างประณีต ทำให้คนดูสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจถึงความยากลำบากในการยอมรับความรู้สึกที่แตกต่างได้เป็นอย่างดี

ฉากสำคัญที่ตราตรึงใจ มีมากมาย แต่ที่โดดเด่นและเป็นที่พูดถึงอย่างมากคือฉากใต้น้ำที่เต๋กับโอ้เอ๋วลงไปดำน้ำด้วยกัน ฉากนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพที่สวยงาม แต่เป็นสัญลักษณ์ของการดำดิ่งลงไปในจิตใจที่ลึกที่สุดของกันและกัน ความเงียบงันใต้ผืนน้ำที่ถูกแทนที่ด้วยภาษากายและแววตา ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดและความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ฉากที่ทั้งคู่ถกเถียงและปรับความเข้าใจกันผ่านบทสนทนาที่คมคายก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีมิติ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เต๋สารภาพความรู้สึกของตัวเอง หรือฉากที่โอ้เอ๋วต้องตัดสินใจอนาคตของตัวเอง ล้วนแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครที่เติบโตไปพร้อมกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

“แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ไม่ได้นำเสนอแค่ความรักโรแมนติก แต่ยังสะท้อนถึงประเด็นมิตรภาพ ครอบครัว และการก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาสำคัญของชีวิตวัยรุ่นได้อย่างงดงาม และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่รักและน่าติดตาม

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Netflix
  • นำแสดงโดย: พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (บิวกิ้น), กฤษฏ์ อำนวยเดชกร (พีพี), ณพัชร วัฒนจิตร์เวคิน (สไมล์), กันต์ธีร์ ปิติธัญ (ซีดี), โชติรส แก้วพินิจ (ขวัญ), ดรีมมี่ ซาซากิ (ดรีมมี่)
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยรุ่น, LGBTQ+
  • ความยาว: 5 ตอน
  • กำหนดฉาย: เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563
  • ช่องทางรับชม: LINE TV (ปัจจุบันสามารถรับชมได้ทาง Netflix และ LINETV)

8. ภาพนายไม่เคยลืม (Last Twilight)

หากคุณกำลังมองหาซีรีส์วายที่จะพาคุณดำดิ่งไปกับเรื่องราวความรักที่ซับซ้อน อบอุ่นหัวใจ และเต็มไปด้วยข้อคิดดีๆ “ภาพนายไม่เคยลืม (Last Twilight)” คือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม ซีรีส์เรื่องนี้จะพาคุณไปพบกับเรื่องราวของ หมอก ชายหนุ่มที่ต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน และ เดย์ ชายหนุ่มสู้ชีวิตที่กำลังเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังทางการเงิน เมื่อโชคชะตานำพาให้ทั้งคู่มาเจอกันในฐานะเจ้านายและคนดูแล เรื่องราวความรักที่งดงามและการเรียนรู้ซึ่งกันและกันจึงเริ่มต้นขึ้น

“ภาพนายไม่เคยลืม” โดดเด่นด้วยการนำเสนอประเด็นที่ละเอียดอ่อนอย่างเรื่องการปรับตัวของผู้พิการทางสายตาได้อย่างลึกซึ้งและจริงใจ ซีรีส์ไม่ได้เน้นแค่ความรักโรแมนติก แต่ยังสอดแทรกเรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวันของหมอกที่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความมืดมิด รวมถึงการช่วยเหลือและกำลังใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะเดย์

หัวใจหลักของเรื่องอยู่ที่ความสัมพันธ์ของหมอกและเดย์ ที่ค่อยๆ พัฒนาจากความไม่เข้าใจสู่ความผูกพันและรักแท้ เดย์เข้ามาในชีวิตของหมอกในวันที่หมอกสิ้นหวังที่สุด เขาไม่ได้เป็นแค่ผู้ดูแล แต่เป็นดวงตา เป็นกำลังใจ และเป็นคนที่ช่วยให้หมอกกลับมายืนหยัดอีกครั้ง ฉากสำคัญหลายฉากสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของเดย์ในการดูแลหมอก ทั้งการฝึกใช้ชีวิตในความมืด การเรียนรู้ที่จะพึ่งพาความรู้สึกอื่นๆ นอกจากการมองเห็น และเหนือสิ่งอื่นใดคือการให้กำลังใจในวันที่หมอกท้อแท้

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามคือ การสำรวจความรู้สึกของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง เราจะได้เห็นความเจ็บปวด ความอ่อนแอ และความเข้มแข็งของหมอก รวมถึงความเสียสละและความรักที่เดย์มีให้หมอกโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนแสงสว่างที่ค่อยๆ สาดส่องเข้ามาในความมืดมิดของกันและกัน

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.gmm-tv.com/
  • นำแสดงโดย: จิมมี่ จิตรพล โพธิ์ประเสริฐ, ซี พฤกษ์ พานิช
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วาย
  • ความยาว: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 10 พฤศจิกายน 2566
  • ช่องทางรับชม: GMM25, YouTube GMMTV

9. The Spirealm ฝ่ามิติประตูมรณะ

เคยจินตนาการไหมว่าถ้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยปริศนาและความตาย? นี่คือเรื่องราวของ “The Spirealm ฝ่ามิติประตูมรณะ” ซีรีส์วายแนวเอาชีวิตรอดที่จะพาคุณดำดิ่งสู่เกมสุดอันตรายที่เดิมพันด้วยชีวิต

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ หลินชิวสือ (รับบทโดย เฉิงจวิ้นเหวิน) ได้พบกับประตูเหล็กประหลาดที่ปรากฏขึ้นในบ้านของเขา หลังจากตัดสินใจเปิดประตูบานนั้น โลกของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล หลินชิวสือถูกดึงเข้าสู่มิติปริศนาที่รู้จักกันในชื่อ “Spirealm” สถานที่ที่เต็มไปด้วยภารกิจสุดท้าทายจากประตูบานแล้วบานเล่า แต่ละภารกิจคือบททดสอบความกล้าหาญและสติปัญญาที่หากล้มเหลวก็หมายถึงความตาย

จุดเด่นสำคัญของเรื่องคือการที่ซีรีส์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวการเอาชีวิตรอดธรรมดา แต่ยังผสมผสานความลึกลับของ “ประตู” ที่นำพาตัวละครไปสู่โลกที่แตกต่างกันในแต่ละครั้ง บางครั้งเป็นโรงพยาบาลร้างที่เต็มไปด้วยผี บางครั้งเป็นหมู่บ้านที่ซ่อนเร้นความลับดำมืด และแต่ละประตูคือการไขปริศนาชิ้นเล็กๆ ที่จะนำไปสู่ความจริงเบื้องหลัง Spirealm ทั้งหมด

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/ott/th
  • นำแสดงโดย: เฉิงจวิ้นเหวิน, เซียวข่ายจง
  • ประเภท: ลึกลับ, ระทึกขวัญ, แฟนตาซี, เอาชีวิตรอด, วาย (BL)
  • ความยาว: 20 ตอน (ตอนละประมาณ 25-30 นาที)
  • กำหนดฉาย: 13 พฤษภาคม 2567
  • ช่องทางรับชม: iQIYI, VIU

10. Semantic Error : รุ่นพี่ตัวป่วนกับรุ่นน้องวิศวะสุดเนี้ยบ

เตรียมหัวใจให้พร้อมรับความวุ่นวายสุดน่ารักจากซีรีส์วายเกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์ “Semantic Error: รุ่นพี่ตัวป่วนกับรุ่นน้องวิศวะสุดเนี้ยบ” เรื่องราวสุดป่วนของสองหนุ่มที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่กลับต้องโคจรมาพบกันและค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเติมเต็มกันและกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ จางแจยอง (รับบทโดย พัคซอฮัม) รุ่นพี่สุดป๊อป คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก ผู้ชื่นชอบการใส่เสื้อสีแดงสดใส ชีวิตไร้แบบแผนและรักอิสระ ต้องมาพบกับ ชูซังอู (รับบทโดย พัคแจชาน) รุ่นน้องวิศวะคอมพิวเตอร์ผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบ ละเอียดรอบคอบ และยึดมั่นในตรรกะทุกอย่างในชีวิต สิ่งที่เชื่อมโยงคนสองคนนี้เข้าหากันคือโปรเจกต์กลุ่มในวิชาบังคับที่ซังอูตัดสินใจตัดชื่อแจยองออกจากการนำเสนอ เนื่องจากแจยองไม่ได้ช่วยงานเลยแม้แต่น้อย

การกระทำของซังอูทำให้แจยองไม่พอใจอย่างมาก และเริ่มตามรังควานซังอูในทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้น แต่ยิ่งเข้าใกล้กันมากเท่าไหร่ ทั้งคู่ก็ยิ่งค้นพบว่าภายใต้ความต่างขั้ว พวกเขากลับดึงดูดซึ่งกันและกันอย่างประหลาด จากความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง ก็ค่อยๆ พัฒนาไปเป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ แต่ลึกซึ้ง ซีรีส์เรื่องนี้จะพาคุณไปสัมผัสกับความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหงุดหงิด ความเข้าใจ ไปจนถึงความรักที่ผลิบานอย่างไม่ทันตั้งตัว

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.iq.com/
  • นำแสดงโดย: พัคซอฮัม, พัคแจชาน
  • ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, วัยรุ่น, BL (Boys’ Love)
  • ความยาว: 8 ตอน (ตอนละประมาณ 25-30 นาที)
  • กำหนดฉาย: 16 กุมภาพันธ์ 2565
  • ช่องทางรับชม: Viki, iQIYI

เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเรื่องราวของ ซีรีส์วาย ที่เราได้พูดถึงกันวันนี้ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงปรากฏการณ์ที่ ซีรีส์วาย สร้างขึ้นได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ของเนื้อเรื่อง การแสดงที่เข้าถึงบทบาท หรือแม้แต่การสะท้อนประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่ทำให้ ซีรีส์วาย ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อที่ช่วยเปิดมุมมองและสร้างความเข้าใจในความหลากหลายได้อีกด้วย

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบ ซีรีส์วาย ในแง่มุมไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซีรีส์วาย ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในวงการบันเทิงและในใจของแฟนๆ ทั่วโลกไปแล้ว และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและติดตามผลงานดีๆ เหล่านี้ไปด้วยกันนะคะ!


แชร์บทความนี้