10 อันดับ ซีรีย์วายไทย ฮิตติดชาร์ต ที่แฟนตัวจริงห้ามพลาด

ในโลกของซีรีย์มันมีอะไรให้เราได้เลือกดูเยอะแยะเต็มไปหมดเลยว่าไหมคะ แต่ถ้าให้พูดถึงซีรีย์ที่เรียกได้ว่าสร้างปรากฏการณ์และกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในทุกวันนี้ คงหนีไม่พ้น ซีรีย์วายไทย ที่เข้ามาเขย่าวงการบันเทิงจนทำให้เหล่าคนดูต่างต้องติดหนึบกันเป็นแถว ด้วยเนื้อหาที่ทั้งฟิน ทั้งจิ้น และเข้าถึงง่าย ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถตกหลุมรักซีรีย์ประเภทนี้ได้อย่างง่ายดาย

และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาด ซีรีย์วายไทย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ จากที่เคยเป็นเพียงสื่อบันเทิงเฉพาะกลุ่ม ปัจจุบันซีรีย์วายได้กลายเป็นวัฒนธรรมป๊อปที่ได้รับความนิยมในวงกว้าง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังขยายฐานแฟนคลับไปทั่วโลก สร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Thai BL Fever” ให้กับแฟนๆ ทั่วทั้งเอเชียและยุโรป

ที่ทำให้ ซีรีย์วายไทย พิเศษกว่าที่อื่นก็คือการที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างชาย-ชาย ได้อย่างละมุนละไม มีความเป็นธรรมชาติ และมีความหลากหลายในบทบาทตัวละครที่ไม่จำเจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวรักในวัยเรียน เรื่องราวในวัยทำงาน หรือแม้แต่แนวแฟนตาซี ทำให้ผู้ชมสามารถอินและเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้หัวใจพองโตไปพร้อมๆ กับพวกเขาได้ทุกตอน


1. แฟนผมเป็นประธานนักเรียน My School President

หากคุณกำลังมองหาซีรีส์วายที่ดูเพลิน อบอุ่นหัวใจ และเต็มไปด้วยเสียงดนตรีที่น่าประทับใจ “แฟนผมเป็นประธานนักเรียน My School President” คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ติณณ์ (รับบทโดย เจมีไนน์ นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์) ประธานนักเรียนสุดเนี้ยบ ที่ดูเหมือนจะเพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่าง กลับต้องมาตกหลุมรัก กันต์ (รับบทโดย โฟร์ท ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล) หัวหน้าวงดนตรีจอมซนที่รักการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากความขัดแย้ง เมื่อติณณ์ผู้มีระเบียบวินัยต้องเข้ามาดูแลกฎเกณฑ์ของโรงเรียน ขณะที่กันต์และเพื่อนๆ วง Chinzilla กลับทำผิดกฎอยู่บ่อยครั้ง ติณณ์จึงยื่นข้อเสนอให้กันต์ยุบวง เพื่อที่ตนเองจะยอมทำตามทุกอย่างที่กันต์ต้องการ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ติณณ์ได้ใกล้ชิดกับกันต์มากขึ้นเรื่อยๆ จนก่อเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้

ซีรีส์เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับตัวละคร ตัวละครแต่ละตัวมีมิติที่น่าสนใจ ไม่ได้มีแค่คู่หลักอย่างติณณ์กับกันต์เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มเพื่อนๆ ทั้งแก๊งประธานนักเรียนและแก๊งวงดนตรี ที่คอยสร้างสีสันและเรื่องราวชวนอมยิ้มตลอดทั้งเรื่อง อีกหนึ่งจุดที่โดดเด่นคือ ดนตรี ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องได้อย่างลงตัว แต่ละเพลงที่ใช้ประกอบล้วนมีความหมายและช่วยสื่ออารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเพลง “อยากร้องดังๆ” ที่เป็นเพลงสำคัญในเรื่องราวของติณณ์และกันต์

สำหรับฉากที่น่าจดจำก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉากสารภาพรักสุดแสนโรแมนติกที่ทำให้คนดูฟินไปตามๆ กัน หรือจะเป็นฉากการแสดงดนตรีของวง Chinzilla ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความฝันของกันต์และเพื่อนๆ นอกจากนี้ยังมีฉากความสัมพันธ์น่ารักๆ ของกลุ่มเพื่อน ที่ช่วยให้เรื่องราวมีความหลากหลายและน่าติดตามมากขึ้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/
  • นักแสดงหลัก: เจมีไนน์ นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์, โฟร์ท ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล, สตางค์ กิตติภพ เสรีวิชยสวัสดิ์, วินนี่ ธนวินท์ ผลเจริญรัตน์, ฟอร์ด อรัญญ์ อัศวสืบสกุล, ฟีฟ่า เปรมอนันต์ ศรีพานิช, มาร์ค ภาคิน คุณาอนุวิทย์, อั๋น ณภัทร พัชรชวลิต
  • ประเภท: โรแมนติกคอมเมดี้, ดราม่า, วัยรุ่น, ดนตรี
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 2 ธันวาคม 2565
  • ช่องทางรับชม: GMMTV, Viu

2. พี่จะตีนะเนย I Will Knock You

“พี่จะตีนะเนย I Will Knock You” เป็นซีรีส์วายที่มาพร้อมพล็อตเรื่องสุดฮาและน่ารัก ทำให้คนดูต้องอมยิ้มตามกันไปทั้งเรื่อง เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ ทิชากร หรือ ‘ครูทิ’ หนุ่มนักศึกษาฝึกสอนครูที่อ่อนโยนและมีนิสัยเรียบร้อย ต้องมาฝึกสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยนักเรียนสุดแสบ โดยเฉพาะกลุ่มนักเลงหัวไม้ที่นำทีมโดย ‘เนย’ หัวหน้าแก๊งที่มีนิสัยดุดันและเป็นที่ยำเกรงของนักเรียนทั้งโรงเรียน

เรื่องราวความรักสุดป่วนเริ่มต้นขึ้นเมื่อครูทิเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวของเนยและแก๊งเพื่อนโดยไม่ตั้งใจ จากความขัดแย้งที่ไม่ลงรอยกันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เนยที่เคยแข็งกระด้างค่อย ๆ อ่อนโยนลงเมื่ออยู่ต่อหน้าครูทิ ในขณะที่ครูทิเองก็ต้องรับมือกับความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของเนยที่คอยเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ชีวิต แต่ในความป่วนเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยความน่ารักและอบอุ่นใจ

จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือการสร้างสรรค์คาแร็กเตอร์ที่แตกต่างกันสุดขั้วได้อย่างลงตัว เนยและครูทิเป็นตัวแทนของคนสองโลกที่มาบรรจบกัน ทำให้คนดูได้เห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างชัดเจน และแม้ว่าพล็อตเรื่องจะดูเบาและเต็มไปด้วยความตลก แต่ซีรีส์ก็ยังสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับครอบครัว, มิตรภาพ, และการยอมรับตัวตนไว้ได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ เคมีของนักแสดงนำอย่าง บอม ธนวัฒน์ (รับบท ครูทิ) และ ต้า อธิวัตน์ (รับบท เนย) ก็เข้าขากันได้ดีมาก ๆ ทำให้ฉากสำคัญอย่างฉากที่เนยต้องแสดงความห่วงใยครูทิ หรือฉากที่ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาไปด้วยกัน มีความสมจริงและตราตรึงใจ ทำให้คนดูเอาใจช่วยและลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://aisplay.ais.co.th/
  • นักแสดงหลัก: บอม ธนวัฒน์, ต้า อธิวัตน์, เฟิร์ส ฉลองรัฐ, สิงโต สุริยา
  • ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่า
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 18 พฤศจิกายน 2565
  • ช่องทางรับชม : aisplay

3. เชือกป่าน Between Us The Series

“เชือกป่าน Between Us The Series” เป็นเรื่องราวที่ถักทอต่อจากซีรีส์วายยอดนิยม “ด้ายแดง Until We Meet Again The Series” แต่ในครั้งนี้ เราจะได้เจาะลึกเข้าไปในความสัมพันธ์ของตัวละครรองที่แฟน ๆ หลงรักอย่าง “วิน” (บุ๋น นพณัฐ) และ “ทีม” (เปรม วรุศ) ซึ่งเป็นคู่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้คู่หลักเลย

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ทีม” นักกีฬาว่ายน้ำดาวรุ่งผู้มีความสามารถโดดเด่น แต่กลับมีอดีตฝังใจจากอุบัติเหตุทางน้ำในวัยเด็ก ทำให้เขากลัวและไม่มั่นใจในการแข่งขัน จนกระทั่งเขาได้พบกับ “วิน” รองประธานชมรมว่ายน้ำผู้เยือกเย็นและจริงจังในทุกเรื่องราว วินสังเกตเห็นถึงความไม่มั่นใจในตัวทีม จึงคอยดูแลและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ จากรุ่นพี่รุ่นน้องในชมรมกลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะนิยามได้

จุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามคือการเล่าเรื่องที่เน้นไปที่การเติบโตทางอารมณ์ของตัวละครอย่างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสำรวจปมในใจของ “ทีม” ที่ค่อย ๆ คลี่คลายลงด้วยความรักและการสนับสนุนจาก “วิน” ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ฉากโรแมนติก แต่ยังเต็มไปด้วยฉากที่แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพ ความทุ่มเท และการก้าวข้ามอุปสรรคในชีวิต ทำให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งและสมจริงมากขึ้น นอกจากนี้เคมีที่ลงตัวของ บุ๋น-เปรม ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ชมอินไปกับตัวละครได้อย่างไม่ยากเย็น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.iq.com/
  • นักแสดงหลัก: บุ๋น นพณัฐ กันทะชัย, เปรม วรุศ ชวลิตรุจิวงศ์, โอห์ม ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ, ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยรุ่น
  • จำนวนตอน: 13 ตอน
  • กำหนดฉาย: 6 พฤศจิกายน 2565
  • ช่องทางรับชม: iQIYI

4. Moonlight Chicken พระจันทร์มันไก่

“Moonlight Chicken พระจันทร์มันไก่” เล่าเรื่องราวของ ลุงจิม (เอิร์ท พิรพัฒน์) ชายวัยกลางคนที่เปิดร้านข้าวต้มไก่ในย่านเยาวราช เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายไปวันๆ จนกระทั่งได้พบกับ เหวิน (มิกซ์ สหภาพ) ชายหนุ่มหล่อที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนขับรถส่งของในบาร์ ทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์ในค่ำคืนหนึ่งที่ร้านข้าวต้มไก่ของลุงจิม และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของทั้งสอง

ซีรีส์เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การเล่าเรื่องที่สมจริงและละเอียดอ่อน มันไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องราวความรักของลุงจิมกับเหวินเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกเรื่องราวชีวิตของคนรอบข้างไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น หลี่หมิง (เฟิร์ส คณพันธ์) หลานชายของลุงจิมที่กำลังสับสนกับอนาคต, แก๊ง (ข้าวตัง ธนวัฒน์) เพื่อนสนิทของเหวินที่เข้ามาสร้างสีสัน, หรือแม้กระทั่ง ปลายฟ้า (ลูกจันทร์ ภาศิณี) หญิงสาวที่แอบชอบลุงจิมและคอยช่วยเหลือร้านข้าวต้มไก่ของเขาอยู่เสมอ

ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นว่าความรักไม่ได้มีเพียงแค่ความสุข แต่ยังมีความเจ็บปวด ความผิดหวัง และการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ฉากที่ลุงจิมต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเขากำลังจะสูญเสียร้านข้าวต้มไก่ที่เป็นชีวิตจิตใจไป หรือฉากที่เหวินต้องตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเอง เป็นฉากที่สะท้อนถึงการเติบโตและการก้าวผ่านอุปสรรคของตัวละครได้อย่างกินใจ

“Moonlight Chicken พระจันทร์มันไก่” เป็นซีรีส์ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ ทั้งการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน บทที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อน และการกำกับที่ทำให้เราเชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราได้ยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ไปกับตัวละคร และทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ความรักคืออะไร” และ “การใช้ชีวิตอย่างมีความหมายคืออะไร” ถ้าคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่อบอุ่นหัวใจและกินใจ “Moonlight Chicken พระจันทร์มันไก่” คือคำตอบ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.gmm-tv.com/
  • นักแสดงหลัก: เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ, มิกซ์ สหภาพ วงศ์ราษฎร์, เฟิร์ส คณพันธ์ ปุ้ยตระกูล, ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล, มาร์ค ภาคิน คุณาอนุวิทย์, โฟร์ท ณัฐวรรธน์ จิโรชน์ธิกุล, เจมีไนน์ นรวิชญ์ ฐิติเจริญรักษ์
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, LGBTQ+, Coming of Age
  • จำนวนตอน: 8 ตอน
  • กำหนดฉาย: 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
  • ช่องทางรับชม: YouTube: GMMTV OFFICIAL, Disney+ Hotstar

5. ค่อยๆ รัก (Step By Step)

“ค่อยๆ รัก” เล่าเรื่องราวของ พัท เด็กจบใหม่ไฟแรงที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เขาต้องพบกับความท้าทายใหม่ๆ และได้เจอกับ เจ๋ง หัวหน้าแผนกสุดเนี้ยบที่คอยสอนงานและดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ความใกล้ชิดนี้เองที่ทำให้ความรู้สึกของทั้งคู่ค่อยๆ เปลี่ยนไป จากรุ่นน้องและหัวหน้ากลายเป็นความรักที่ต้องใช้เวลาและก้าวเดินไปทีละขั้น

ซีรีส์เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวความรักในที่ทำงานได้อย่างสมจริงและละเมียดละไม ไม่ได้เน้นแค่ฉากหวานๆ แต่ยังสอดแทรกความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานและปัญหาในที่ทำงานที่หลายคนน่าจะคุ้นเคย นอกจากนี้ ตัวละครหลักอย่างเจ๋งและพัทก็มีมิติที่น่าสนใจ ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มีข้อผิดพลาดและบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ทำให้คนดูรู้สึกอินและเอาใจช่วย

ฉากสำคัญที่อยากให้ติดตามคือฉากที่เจ๋งและพัทได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนอกเวลางาน ฉากที่ทั้งคู่ได้เปิดใจคุยกันอย่างลึกซึ้ง และแน่นอนว่าฉากที่เจ๋งคอยดูแลพัทในทุกๆ สถานการณ์ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้หัวใจพองโต

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://wetv.vip/th
  • นักแสดงหลัก: แมน-ธฤษณุ สรนันท์, เบน-บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยทำงาน
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 18 เมษายน 2566
  • ช่องทางรับชม: ช่อง One31, WeTV

6. ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe

ชอกะเชร์คู่กันต์ A Boss and a Babe เป็นซีรีส์วายที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง กันต์ (รับบทโดย ฟอส จิรัชพงศ์ ศรีแสง) เจ้านายหนุ่มสุดเนี๊ยบที่ดูเย็นชาแต่จริง ๆ แล้วใจดี กับ เชร์ (รับบทโดย บุ๊ค กษิดิ์เดช ปลูกผล) เด็กฝึกงานไฟแรงที่เต็มไปด้วยพลังบวก

ซีรีส์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเชร์ได้เข้ามาฝึกงานในบริษัทของกันต์ โดยที่เชร์นั้นมีความฝันอยากจะเป็นนักพากย์เกมมืออาชีพและเป็นแฟนคลับตัวยงของกันต์ในฐานะ “กันต์ เดอะสตาร์” สตรีมเมอร์ชื่อดังในโลกออนไลน์ที่ตัวจริงเป็นเจ้านายของเขาเอง ด้วยความใกล้ชิดในการทำงานและความช่างเอาใจใส่ของเชร์ ทำให้กำแพงในใจของกันต์ค่อย ๆ ทลายลง และความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องก็ค่อย ๆ พัฒนาไปในทิศทางที่มากกว่าแค่คำว่าเพื่อนร่วมงาน

ซีรีส์เรื่องนี้มีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้ผู้ชมติดงอมแงม หนึ่งในนั้นคือ การเล่าเรื่องที่อบอุ่นและสมจริง ไม่ได้เน้นแค่ความรักแบบหวือหวา แต่พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ เติบโตขึ้นผ่านการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ฉากสำคัญที่ทำให้ใจละลายคือ ฉากที่กันต์เริ่มเปิดใจ และแสดงความอ่อนโยนออกมาให้เชร์เห็น เช่น การไปรับไปส่ง หรือการเป็นที่ปรึกษาให้เชร์ในเรื่องต่าง ๆ รวมถึง ฉากที่ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันในฐานะคนรัก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าอกเข้าใจและความรักที่ลึกซึ้ง

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังสอดแทรกประเด็นการทำตามความฝันของเชร์ และการยอมรับในตัวตนของกันต์ในฐานะสตรีมเมอร์ชื่อดัง ทำให้เรื่องราวมีความลึกซึ้งและน่าติดตามมากขึ้น

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/
  • นักแสดงหลัก: ฟอส จิรัชพงศ์ ศรีแสง, บุ๊ค กษิดิ์เดช ปลูกผล, โอม ภวัต จิตต์สว่างดี, เลิฟ ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร, ฟลุ๊ค ภูสิษฐ์ ดิษฐพิสิษฐ์, มาร์ค ณัฐริศร์ สุวรรณนภา
  • ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่า
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 3 มีนาคม พ.ศ. 2566
  • ช่องทางรับชม: GMM25, Viu

7. หอมกลิ่นความรัก (Feel You Linger In The Air)

ซีรีส์วายไทยเรื่อง หอมกลิ่นความรัก (Feel You Linger In The Air) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยการเล่าเรื่องที่โดดเด่นและมีมิติที่ลึกซึ้ง เนื้อหาของเรื่องจะพาเราเดินทางย้อนเวลาไปพร้อมกับตัวละครหลักอย่าง จอม สถาปนิกหนุ่มที่เพิ่งจะอกหักจากคนรักที่คบกันมานาน

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อจอมเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเองและต้องเผชิญกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน นั่นคือรถของเขาประสบอุบัติเหตุตกลงไปในแม่น้ำ และเมื่อจอมฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับไปใน สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ในยุคสมัยนั้น จอมได้พบกับ คุณใหญ่ หรือ คุณหลวง ชายหนุ่มรูปงามที่มีบุคลิกสง่างามและน่าค้นหา จุดเด่นของเรื่องนี้คือการค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองจากความไม่คุ้นชินไปสู่ความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ผ่านการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความต่างของยุคสมัยกลายเป็นอุปสรรคที่ท้าทายแต่ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพิเศษยิ่งขึ้น

ฉากสำคัญที่น่าจดจำและเป็นหัวใจของเรื่องคือฉากที่จอมได้ใช้ความรู้จากยุคปัจจุบันมาช่วยแก้ปัญหาในยุคอดีต และฉากที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะคุณใหญ่ที่ต้องรับมือกับความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยและความรักที่สวนทางกับขนบธรรมเนียมในยุคนั้น

หอมกลิ่นความรัก ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์วายที่เน้นเรื่องความรักระหว่างชาย-ชายเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เนื้อเรื่องชวนติดตามและน่าค้นหา จนทำให้ผู้ชมไม่อาจละสายตาจากจอได้เลยค่ะ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก :https://www.iq.com/
  • นักแสดงหลัก: ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล, เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา, เปปเปอร์-ภานุโรจ กิตติโกวิท, โตมร-ปวริศร์ มงคลพิสิฐ
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, พีเรียด, แฟนตาซี, ย้อนยุค
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 18 สิงหาคม 2566
  • ช่องทางรับชม: ช่อง One31, แอปพลิเคชัน Viki และ IQIYI

8. รักไม่รู้ภาษา (Love In Translation)

“รักไม่รู้ภาษา (Love In Translation)” เป็นซีรีส์วายที่นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่างสองหนุ่มต่างภาษา ที่ต้องมาโคจรพบกันในร้านอาหารจีนย่านเยาวราช ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความน่ารักสดใส แต่ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นและประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ทำให้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ห้ามพลาดสำหรับแฟนซีรีส์วาย

ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมที่น่าสนใจ การใช้ภาษาเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ คือแกนหลักของเรื่อง โดย หยาง (รับบทโดย ต้าห์อู๋) หนุ่มจีนที่พูดไทยได้นิดหน่อยกับ ภูมิ (รับบทโดย ออฟโรด) หนุ่มไทยที่อยากเรียนภาษาจีน ทั้งสองต้องมาทำงานร่วมกันในร้านอาหาร ทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวาย ชวนหัว และค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นความรักที่สื่อสารด้วยใจไม่ใช่แค่ภาษา

ฉากสำคัญในเรื่องที่ทำให้คนดูยิ้มตามได้ตลอดคือ ฉากการสอนภาษา ของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการสอนคำศัพท์ การฝึกออกเสียง หรือแม้แต่การใช้ภาษามือสื่อสารเมื่อคำพูดไม่พอ เป็นการแสดงให้เห็นว่าความรักสามารถเอาชนะกำแพงทางภาษาได้จริงๆ อีกฉากที่น่าสนใจคือ ฉากที่สะท้อนถึงการทำงานและชีวิตในย่านเยาวราช ที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ทำให้ซีรีส์มีมิติมากกว่าแค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ

เรื่องราวค่อยๆ ดำเนินไปอย่างละมุนละไม ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ฉากโรแมนติก แต่ยังเต็มไปด้วยมุกตลกที่ทำให้หัวเราะตามได้ และความอบอุ่นในมิตรภาพระหว่างตัวละคร ทำให้ “รักไม่รู้ภาษา” เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วอิ่มเอมใจอย่างแท้จริง

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.iq.com/
  • นักแสดงหลัก: ต้าห์อู๋-พิทยา, ออฟโรด-กันตภณ, อนุภาษ-เหลืองสดใส, เชตนิพัทธ์-โลฮากรอก
  • ประเภท: โรแมนติกคอมเมดี้, ดราม่า, ความรักต่างภาษา
  • จำนวนตอน: 10 ตอน
  • กำหนดฉาย: เริ่มตอนแรก 19 สิงหาคม 2566
  • ช่องทางการรับชม: ดูย้อนหลังได้ทางช่อง ONE 31 และแอปพลิเคชัน iQIYI

9. Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม

“Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม” เป็นเรื่องราวความรักสุดซาบซึ้งระหว่าง “หมอก” ชายหนุ่มผู้กำลังหาทางออกให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสับสน และ “เดย์” หนุ่มนักกีฬาแบดมินตันดาวรุ่งที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ทำให้เขาต้องสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน

เมื่อเดย์ต้องเผชิญกับโลกที่มืดมิด เขาเริ่มสูญเสียความหวังและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป หมอกจึงเข้ามาในชีวิตของเดย์ในฐานะคนดูแล จากความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการเป็นเพียงคนดูแลและผู้ถูกดูแล กลับค่อย ๆ พัฒนากลายเป็นความรักที่อบอุ่นและเข้าใจกัน

จุดเด่นของเรื่องคือการนำเสนอเรื่องราวความรักที่งดงามผ่านสายตาของคนตาบอด ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงความรักที่ไม่ได้ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่มาจากความเข้าใจและผูกพันทางใจ ฉากสำคัญของเรื่องมีตั้งแต่ฉากที่หมอกคอยดูแลเดย์ในทุก ๆ วัน และฉากที่ทั้งคู่ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับซึ่งกันและกันจนเกิดเป็นความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคง

“Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม” ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์วายธรรมดา แต่เป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้คุณค่าของการใช้ชีวิต ความรักที่แท้จริง และการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ตาม

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/
  • นักแสดงหลัก: จิมมี่ จิตรพล โพธิ์ประเสริฐ, ซี ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ
  • ประเภท: โรแมนติก, ดราม่า, วัยรุ่น
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น. (ตามกำหนดฉายเดิม)
  • ช่องทางรับชม: ช่อง GMM25, ดูย้อนหลังได้ทาง YouTube: GMMTV Official , viu

10. Cherry Magic 30 ยังซิง

เรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากมังงะญี่ปุ่นชื่อดังในชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวของ “อชิระ” หรือ “อชิ” พนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ ที่ชีวิตพลิกผันเมื่ออายุครบ 30 ปีแล้วยังซิง! เพราะจู่ ๆ เขาก็ได้รับพลังวิเศษที่สามารถได้ยินเสียงในความคิดของคนที่แตะตัวเขาได้ ฟังดูเหมือนจะดีใช่ไหมครับ? แต่จริง ๆ แล้วมันวุ่นวายสุด ๆ เลยล่ะครับ

จุดเริ่มต้นของความวุ่นวายก็คือ การที่เขาดันไปแตะตัว “กะทิ” เพื่อนร่วมงานสุดหล่อหน้าตาดีที่สาว ๆ ทั้งออฟฟิศต่างก็หมายปอง แต่สิ่งที่อชิได้ยินจากความคิดของกะทิกลับเป็นเรื่องราวของเขาเอง! กะทิคิดถึงเขาตลอดเวลา ชื่นชอบเขามานาน และแอบส่องเขาอยู่เสมอ! เรื่องราวของสองหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้นจากจุดนี้

ซีรีส์เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความน่ารักใส ๆ ที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์กันไปเรื่อย ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเข้าใจกัน อชิที่ตอนแรกไม่มั่นใจในตัวเองก็ค่อย ๆ เปิดใจรับความรักของกะทิ ส่วนกะทิก็เป็นคนที่คอยปกป้องดูแลอชิอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปนี้ทำให้คนดูรู้สึกอินและเอาใจช่วยทั้งสองคนไปตลอดทั้งเรื่อง

ฉากสำคัญที่อยากจะพูดถึงคือฉากที่อชิได้รู้ความรู้สึกของกะทิเป็นครั้งแรก และฉากที่ทั้งคู่ได้สารภาพความในใจต่อกัน เป็นฉากที่ทำเอาคนดูอย่างเรายิ้มแก้มปริและน้ำตาคลอไปพร้อม ๆ กันเลยครับ

โดยสรุปแล้ว “Cherry Magic 30 ยังซิง” เป็นซีรีส์วายที่ดูง่าย ฟีลกู๊ด และอบอุ่นหัวใจ เหมาะสำหรับคนที่มองหาซีรีส์ที่ดูแล้วยิ้มได้ทั้งวันเลยค่ะ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.viu.com/
  • นักแสดงหลัก: นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, เต ตะวัน วิหครัตน์, ซิง หฤษฎ์ ชีวการุณ, แจน พลอยชมพู ศุภทรัพย์, ฟลุ๊ค กวิน แคสกี้, จูเนียร์ ปณชัย ศรีอาริยะรุ่งเรือง
  • ประเภท: โรแมนติก, คอมเมดี้, แฟนตาซี
  • จำนวนตอน: 12 ตอน
  • กำหนดฉาย: 14 ธันวาคม 2566
  • ช่องทางการรับชม: GMMTV, Viu

จากทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ซีรีย์วายไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่สื่อบันเทิงที่มอบความสุขเท่านั้น แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการสื่อบันเทิงในระดับสากลอีกด้วย ด้วยเนื้อเรื่องที่หลากหลายและน่าสนใจ การแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ และการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทำให้ซีรีย์เหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงในตลาดเล็กๆ อีกต่อไป

ความสำเร็จของ ซีรีย์วายไทย ในทุกวันนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าการนำเสนอเรื่องราวที่มีคุณภาพและสร้างสรรค์นั้นสามารถเข้าถึงใจคนดูได้ไม่ว่าจะมีความหลากหลายในรูปแบบใดก็ตาม และอนาคตของซีรีย์วายไทยก็ดูจะยังคงสดใสและเติบโตขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นแล้วแฟนๆ ก็เตรียมตัวรอติดตามผลงานดีๆ ที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคตได้เลยจ้า


แชร์บทความนี้